‘ปลูกข้าว-ดำนา’ งานยามว่าง ดีต่อกายใจ..คนวัยเกษียณ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
แฟ้มภาพ
นอกจากทำให้คนไทยอิ่มท้อง "การทำนา" ยังถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงวัยอีกด้วย มองผาดๆ อาชีพกระดูกสันหลังของชาติดูลำบากยากเย็น เพราะต้องก้มๆ เงยๆ อยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า ทำให้เสียสุขภาพและเกิดอาการปวดเมื่อยร่างกาย แต่ปัจจุบันเทรนด์ของการทำนายามเข้าสู่วัยเกษียณถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายของคนสูงวัยแข็งแรงซึ่งสร้างได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการปลูกข้าวตามฤดูกาล ทำให้ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า
นายสมคิด โพธิ์พันธุ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ กรมการข้าว บอกว่า "ประโยชน์ของการทำนามีค่อนข้างเยอะมากครับ เพราะนอกจากคนไทยจะได้อิ่มท้องจากการบริโภคข้าวที่ปลูกเองในประเทศแล้ว การที่ผู้สูงอายุใช้เวลาว่างในการปลูกข้าวนั้น "ทำให้ผู้สูงวัยได้ออกกำลังทุกส่วน" ไม่ว่าจะเป็นเท้า, ขา, แขน, มือ, หลัง, มือ และคอ สิ่งสำคัญเลยจะได้วิตามินดีจากแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าและสายครับ ที่สำคัญเท้าที่เปลือยเปล่าเวลาที่เดินย่ำก้อนดิน ก็จะทำให้ลมไหลเวียนได้ดี จึงถือว่าการทำนาปลูกข้าวเป็นการนวดเท้าได้ทางหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินนวดฝ่าเท้าชั่วโมงละ 250 บาท ขณะที่คุณตาคุณยายก้มปักดำต้นข้าว ก็ทำให้ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ ทำให้ปอดแข็งแรงและหายใจได้ดียิ่งขึ้น เรียกได้ว่าการทำนามีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงอายุตั้งแต่การเริ่มเตรียมดิน การเพาะต้นกล้า กระทั่งการปักดำและเกี่ยวข้าวเลยครับ
นอกจากนี้ยังถือเป็นการ "ช่วยลดต้นทุน" ในการจ้างแรงงานการปลูกข้าว เพราะการที่ผู้สูงอายุปักดำต้นกล้าด้วยตัวเอง ก็ทำให้ท่านเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยลูกหลาน ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี ที่สำคัญผู้สูงอายุบางคนที่มีที่นาและเลือกปลูกข้าวอินทรีย์ เช่น ใช้ปุ๋ยน้ำหมักต่างๆ ก็จะ "ทำให้ข้าวที่ได้มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน"กินอร่อย เพราะ
ได้สูดอากาศบริสุทธิ์การใช้สารเคมีจะทำให้มีสารพิษตกค้างในข้าว อีกทั้งยังไปเร่งให้เซลล์ต้นข้าวผลิตเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ จนบางครั้งทำให้วิตามินและคุณค่าอาหารบางส่วนหายไปครับ
อีกหนึ่งประโยชน์ของการทำนาคือ "การสร้างทัศนคติให้ลูกหลานเห็นคุณค่าของข้าว" เพราะกว่าจะได้ข้าวแต่ละเมล็ดต้องใช้เวลานาน ซึ่งการปลูกข้าวร่วมกับลูกหลานจึงถือเป็นการสืบทอดอาชีพที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทย ที่ทุกคนควรหวงแหนเอาไว้ เพราะ
การทำนาเป็นอาชีพที่สร้างความมั่นคง ยั่งยืนทางอาหาร เพราะประเทศไทยถูกยกให้เป็นครัวอาหารลำดับต้นๆ ของโลก ทำให้ลูกหลานไม่ลืมอาชีพกระดูกสันหลังของชาตินั่นเอง
ที่ลืมไม่ได้ การปลูกข้าวยังถือเป็น "งานอดิเรกให้กับคนวัยเกษียณ" เพราะอาจเคยได้ยินว่าการทำนาหลังเกษียณเป็นงานยามว่างที่หลายคนเลือกใช้สำหรับคลายเหงา แต่ทว่ากลับได้กินข้าวปลอดสารพิษ และมีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
ส่วนการเลือกทำนาให้ดีต่อสุขภาพ แนะนำว่าควรปลูกข้าวในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นไปต้น เพราะเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก (ปลูกข้าว
4 เดือนได้เก็บเกี่ยวผลผลิต) ที่สำคัญแสงแดดจะไม่แรงเท่ากับช่วงฤดูอื่น หรือถ้าเป็นไปได้ให้เลือกออกแปลงนาตั้งแต่เช้าตรู่ ก็จะดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมครับ.
การปลูกและเกี่ยวข้าว แนวทางอนุรักษ์อาชีพกระดูกสันหลังของชาติที่ตายายส่งต่อไปยังลูกหลาน การออกแปลงนาตอนเช้าตรู่จะทำให้คุณตาคุณยายได้สูดอากาศบริสุทธิ์