ปรับพฤติกรรมสร้างหุ่นเฟิร์มฟิต ไม่พึ่งศัลยกรรม
ที่มา : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
แฟ้มภาพ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แนะหนุ่ม-สาว อยากหุ่นเฟิร์มทันใจด้วยการดูดไขมัน ใช้วิธีธรรมชาติก่อนพึ่งศัลยกรรม ชี้เพียงรับประทานอาหารให้เหมาะสม และออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายก็เฟิร์มฟิต สมส่วนได้โดยไม่ต้องศัลยกรรม
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในแต่ละปี กระแสนิยมในเรื่องของความสวย ความงามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ประชาชนในหลายกลุ่มวัยต่างให้ความสนใจในการเสริมความงามด้วยเทคนิคทางการแพทย์ ซึ่งสามารถแสดงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหารเพื่อลดไขมันในจุดที่ต้องการ หนุ่ม-สาวบางรายที่ต้องการให้หุ่นเฟิร์มทันใจ จึงหันมาพึ่งการเสริมความงามด้วยวิธีการดูดไขมัน (Liposuction) เพราะเห็นผลเร็วกว่า จากสถิติของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งนานาชาติ (ISAPS) ล่าสุด เผยว่าในปี พ.ศ.2560 ทั่วโลกมีผู้เข้ารับบริการดูดไขมัน 1,573,680 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 19 -34 ปี โดยการเสริมความงามด้วยวิธีการดูดไขมันได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากการเสริมหน้าอก
นายแพทย์ณัฐวุฒิฯ กล่าวต่อว่า แต่การศัลยกรรมเสริมความงามไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามย่อมมีความเสี่ยงเฉพาะตัว ผู้รับบริการควรจะศึกษาข้อมูล และผลกระทบก่อนตัดสินใจเลือกรับบริการทุกครั้ง โดยเฉพาะการศัลยกรรมดูดไขมันซึ่งมีการใช้ยาระงับความรู้สึก ร่วมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการดูดไขมันออกจากร่างกายนั้น จะต้องกระทำในสถานพยาบาลโดยแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากรับบริการจากสถานที่อื่น หรือผู้ให้บริการมิใช่แพทย์ก็อาจจะทำให้ผู้รับบริการได้รับอันตรายหรือเกิดผลข้างเคียงจากการดูดไขมันได้ อาทิ เสียเลือดมาก เซลไขมันหลุดไปตามกระแสเลือด ผิวหย่อนยาน ไม่สมส่วน เกิดรอยแผลเป็น ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันเป็นการลดสัดส่วนเพียงชั่วคราว หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ไขมันก็จะกลับมาสะสมดังเดิมได้ จึงขอแนะนำให้หนุ่ม-สาว ใช้วิธีธรรมชาติก่อนที่จะหันไปพึ่งการศัลยกรรม ด้วยการรับประทานอาหารให้เหมาะสม เพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ งดอาหารที่มีไขมันสูงหรือมีน้ำตาลมาก และออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงร่างกายให้เฟิร์มฟิตสมส่วนได้ โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมและเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในการรับบริการเสริมความงามกับสถานพยาบาลใดก็ตาม ขอให้ประชาชนตรวจสอบใบหน้าของแพทย์ผู้ให้บริการว่าตรงกับเอกสารแบบแสดงรูปถ่ายและรายละเอียดเกี่ยวกับแพทย์ (ส.พ.6)ที่แสดงหน้าห้องตรวจหรือไม่ หากไม่ตรง ให้ตั้งข้อสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวมิใช่แพทย์ ไม่ควรรับบริการและหากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ให้แจ้งที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส.หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคให้แจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยผู้ใดที่มิใช่แพทย์แต่กลับแอบอ้างให้บริการเสมือนว่าเป็นแพทย์ จะถือว่ามีความผิดฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ