ปรับนโยบายแก้ปัญหาท้องไม่พร้อม
สธ.ร่วมกับภาคีเครือข่าย ผุดยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัยแห่งชาติ หนุนใช้ถุงยางอนามัยให้เป็นวิถีชีวิตปกติ เสริมบริการคนไทยเข้าตรวจเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง
ที่โรงแรมนารายณ์ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการแถลงข่าวเรื่อง การจัดทำยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัยแห่งชาติ ร่วมกับนายแพทย์วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและการจัดการสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี นายแพทย์กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ ดร.วาสนา อิ่มเอม ผู้ช่วยผู้แทนกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA)
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปัจจุบันพบว่าเยาวชนป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ประกอบกับสภาพทางสังคมที่วัยรุ่น มีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสในระดับสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เอดส์ รวมทั้งการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์มากขึ้น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค จึงได้บูรณาการร่วมกับกรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม จัดทำ "ยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัยแห่งชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2558–2562" เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งทั้งสามกรณีเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบัน ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเคยผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่ามีประสิทธิผลดีและสามารถจัดหาได้งายในราคาถูก โดยยุทธศาสตร์ฉบับนี้จะสนับสนุน 3 นโยบายระดับชาติ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ (พ.ศ. 2557-2559) นโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ (พ.ศ. 2553-2557) และยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม
นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่จัดทำขึ้นนี้ มีลักษณะของการบูรณาการรอบด้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้การใช้ถุงยางอนามัย ถุงอนามัยสตรี และสารหล่อลื่น เป็นวิถีชีวิตโดยปกติของประชาชน สามารถป้องกันปัญหาหลายด้านพร้อมๆ กัน คือ ป้องกันการตั้งครรภ์ โรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งยังลดความเสี่ยงจากมะเร็งที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การส่งเสริมความยอมรับ และลดอคติเกี่ยวกับถุงยางอนามัย และสารหล่อลื่น ยุทธศาสตร์ที่ 2 การส่งเสริมการเข้าถึง และการใช้ถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่น ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาระบบการบริหารจัดการ และการควบคุมคุณภาพถุงยางอนามัย ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย และยุทธศาสตร์ที่ 5 การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย
"ในโอกาสนี้ ขอแนะนำประชาชนทั่วไปว่า ขอให้ทุกคนหันมาป้องกันตนเอง และรับผิดชอบตนเองและผู้อื่น เมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกกลุ่ม ถ้าต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ สามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรใกล้บ้าน ซึ่งในปัจจุบันคนไทยทุกคนสามารถเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง หากประชาชนสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 0-2590-3217 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422"นายแพทย์สุเมธ กล่าว
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต