ประชุมวิชาการสุราระดับชาติ

     ศวส. ผนึก สสส. จัดประชุมวิชาการสุราระดับชาติ ปกป้องเยาวชนจากภัยน้ำเมา


/data/content/26679/cms/e_afjnquwxy459.jpg


     นพ.สมศักดิ์  ชุณหรัศมิ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมวิชาการสุราระดับชาติ ครั้งที่ 8 หัวข้อ "ทศวรรษแห่งการเรียนรู้และการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อลดปัญหาแอลกอฮอล์ในสังคมไทย" จัดโดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการฯ ว่า กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลักดันให้เกิดพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551เพื่อลดการดื่ม ลดอันตรายจากการดื่ม เช่น อุบัติเหตุ ความรุนแรง และสุขภาพ และป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ขณะเดียวกันมีความพยายามของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่รุกหนักกระตุ้นยอดขาย ทุ่มงบประมาณด้านการตลาดจัดกิจกรรม โฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างมหาศาล เพื่อสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่และรักษากลุ่มลูกค้าเดิมไว้ สอดคล้องกับงานวิจัย ที่ระบุว่า การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลต่อการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกในตราสินค้า ทำให้รู้สึกอยากดื่มและเชื่อมั่นในยี่ห้อที่นำเสนอ


     "แม้มีการควบคุมการโฆษณาโดยตรงบนโทรทัศน์และวิทยุ แต่ยังพบเห็นในรูปแบบอื่นๆ เช่น ป้ายโฆษณา ป้ายแบนเนอร์ตามร้านอาหาร การจัดบูธ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต การจัดกีฬา กิจกรรมเพื่อสังคม ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งยอด/data/content/26679/cms/e_bgijlosvwyz1.jpgการโฆษณาช่วงเทศกาลวันสำคัญจะสูงกว่าวันธรรมดามาก ไทยมีกฎหมายควบคุมโฆษณาอย่างสิ้นเชิงก็ตาม สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ถึง 23% และยิ่งควบคุมการโฆษณามากเท่าไหร่ การดื่มและผลกระทบจะลงลดอย่างเห็นได้ชัด การควบคุมการโฆษณาอย่างเข้มงวดจะช่วยปกป้องเยาวชนจากภัยร้ายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้ สธ.อยู่ระหว่างดำเนินการสร้างค่านิยมใหม่ โดยการติดฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" นพ.สมศักดิ์  กล่าว


     นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุน สสส. กล่าวว่า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณปีละ 3.3 ล้านคน ก่อให้เกิดความสูญเสียทางสุขภาพ 5.9% ของภาระโรคทั่วโลก ในประเทศไทยการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอันดับ1 ที่ก่อให้เกิดให้เกิดการสูญเสียชีวิตในเพศชายถึง 8.6 %ของการเสียชีวิตทั้งหมด และในปี 2552 และเมื่อประเมินเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจ มีมูลค่าสูงถึง 1.51 แสนล้านบาท หรือ 1.97% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งจากสถิติแต่ละปีพบว่ามีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้นมากกว่า 2.5 แสนคน


     "ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกปี 2557 ระบุว่า ประเทศไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับที่ 78 ของโลก เฉลี่ย 7.1 ลิตรต่อคน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้หญิง คิดเป็นค่าใช้จ่ายค่าสุราคนละ  509 บาทต่อวัน หรือประมาณ 6,108 บาทต่อปี โดยสาเหตุที่หันมาดื่มเพราะต้องการผ่อนคลายจากการทำงาน การเรียน เท่ห์ ต้องการได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูง ประกอบกับหาซื้อง่าย ใกล้บ้าน ใกล้สถานศึกษา เดินทางไม่ถึง 5 นาทีก็หาซื้อได้แล้ว แต่ที่น่ากังวลคือ บางคนรู้สึกว่าดื่มเพราะมาจากการส่งเสริมการขาย หรือเห็นโฆษณาผ่านสังคมออนไลน์ อย่างไรก็ตาม จากปัญหาเหล่านี้หากไม่ดำเนินการควบคุมมากขึ้นอีก 5 ปีประเทศไทยมีแนวโน้มการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันดับที่ 56


     ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 2.5 แสนคน ส่วนใหญ่นักดื่มเหล่านี้ คือกลุ่มเด็กและเยาวชน จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราปี 2554 พบว่าเกินครึ่งดื่มเบียร์มากที่สุด รองลงมา คือ สุราสี สุรากลั่น นอกจากนี้จำนวนร้านขายยังเพิ่มสูงขึ้น ในปี2554 มีร้านที่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรากว่า 6 แสนร้านทั่วประเทศ โดยเหตุผลที่ร้านค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นคือ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำหน่ายสุรามีราคาถูกมาก และสามารถขอได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ยังมีร้านหรือจุดจำหน่ายสุราอีกจำนวนมากที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งส่งผลให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หาซื้อได้ง่ายขึ้นด้วย โดยใช้เวลาในการซื้อเฉลี่ย 2 นาที


 


 


     ที่มา: เว็บไซต์บ้านเมือง

Shares:
QR Code :
QR Code