ประกันสุขภาพของคนวัยเกษียณ

 ที่มา : คู่มือเงินทองต้องวางแผน ตอน เกษียณสบาย สไตล์วันเก๋า

แฟ้มภาพ

สำหรับวัยเกษียณ “ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ” ตั้งแต่ค่าดูแลสุขภาพ ไปจนถึงค่ารักษาพยาบาล จะเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุด และจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เพราอาการของโรคเริ่มแสดงออกมาชัดเจนและหนักมากขึ้น ขณะที่ค่ารักษาก็แพงขึ้นตามไปด้วย

                เพราะฉะนั้นการทำประกันสุขภาพสำหรับคนในวันเกษียณจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลได้  อย่างไรก็ตามการทำประกันสุขภาพจะต้องทำมาตั้งแต่ก่อนเกษียณสักระยะหนึ่งแล้ว เพื่อให้ได้ความคุ้มครองต่อเนื่องไปจนถึงช่วงหลังเกษียณ เพราะโดยมากแล้วบริษัทประกันในประเทศไทยจะไม่รับทำประกันสุขภาพให้กับ “ผู้สูงอายุ” หรือถ้าจะรับประกันก็จะคิดดอกเบี้ยประกันในอัตราที่สูงมาก หรือ ไม่รับประกันโรคที่เป็นอยู่ก่อนการทำประกัน

                ถ้าซื้อประกันสุขภาพไม่ได้ อย่างน้อยขอให้มีประกันอุบัติเหตุเอาไว้อย่างหนึ่งก็ยังดี เพราะผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายและที่สำคัญ แม้อายุจะมากแล้ว ก็ยังสามารถทำได้ (บางบริษัทให้ทำได้จนถึงอายุ 75 ปี และต่ออายุให้ถึง 99 ปี) เพียงแต่อัตราค่าเบี้ยประกันจะสูงกว่าคนหนุ่มสาวสักหน่อย แต่ถ้าอยากจ่ายเบี้ยประกันอุบัติเหตุ ก็อาจจะมองหา “ของฟรี” เพราะมีผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อผู้สูงอายุบางอย่างจะแถมประกันอุบัติเหตุให้ผู้ฝากด้วย เช่น เงินฝากพ่วงประกัน

นอกจากนี้ คนไทยโชคดีที่มีสวัสดิการรักษาพยาบาล หรือ “สวัสดิการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ที่รัฐจัดไว้ให้ประชาชน โดยแบ่ง ออกเป็น 5 กลุ่ม

1.สวัสดิการข้าราชการ ช้าราชการเกษียณ ที่เรียกรับเงินบำนาญ (เรียกว่า “ข้าราชการบำนาญ”) ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล เพราะจะยังคงได้รับสิทธิรักษาพยาบาลต่อเนื่อง แถมยังได้สิทธิตรวจสุขภาพประจำปีอีกด้วย

2.กองทุนประกันสังคม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือนแล้ว แต่ยังต้องการสิทธิรักษาพยาบาลเหมือนเดิม ก็ทำได้ “ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ (มาตรา 39)”

3.สวัสดิการพนักงานส่วนท้องถิ่น ข้าราชการหรือลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาล เมื่อเข้ารับการรักษาที่ รพ.รัฐ หรือ สถานพยาบาลท้องถิ่น

4.สวัสดิการของหน่วยงานรัฐอื่นๆ รัฐวิสาหกิจ ยังให้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล แม้ว่าจะเกษียณอายุไปแล้ว หรือยังให้สิทธิพนักงานที่เกษียณอายุสามารถเข้ามาใช้บริการห้องพยาบาลขององค์กรได้เช่นเดิม

5.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คนไทยทุกคนที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลอื่นจากรัฐบาล จะได้สิทธิรักษาพยาบาลตามหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง” โดยต้องไปลงทะเบียนสมัครกับหน่วยงานที่กำหนด และเลือกโรงพยาบาลรัฐ ที่อยู่ในเขตอยู่อาศัย 1 แห่ง (แต่ถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน เข้าโรงพยาบาลไหนก็ได้)

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสิทธิที่ว่า อยู่ในกลุ่มไหนได้ที่  htt://www.nhso.go.th/peoplesearch/