ปภ.แนะประชาชนพื้นที่ภาคใต้ ร่วมลดหมอกควันไฟป่าปกคลุมพื้นที่

 

                      

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  แนะประชาชนพื้นที่ภาคใต้ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่หมอกควันไฟป่าปกคลุม งดเว้นการเผาวัสดุทุกชนิด ไม่ประกอบกิจกรรมที่ทำให้เกิดไฟป่า เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง หากสถานการณ์รุนแรง  ควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น สวมหน้ากากอนามัยและแว่นตาทุกครั้ง เพื่อลดปริมาณการสูดดมควันพิษจากฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย

นายวิบูลย์   สงวนพงศ์   อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  เปิดเผยว่า  จากสถานการณ์หมอกควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซียและกลุ่มควันไฟไหม้จากป่าพรุ  ทำให้สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดพัทลุง สงขลา และตรัง   มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อน และไม่มีฝนตก แม้ขณะนี้ปริมาณฝุ่นจะยังไม่เกินค่ามาตรฐานจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะวิธีปฏิบัติตนแก่ประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีหมอกควันไฟป่าปกคลุม ดังนี้ งดเว้นการเผาวัสดุทุกชนิด ระมัดระวังการประกอบกิจกรรมที่ทำให้เกิดไฟป่า โดยเฉพาะบริเวณแนวชายป่า เพราะจะส่งผลให้สถานการณ์หมอกควันไฟป่ารุนแรงมากขึ้น ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง โดยเฉพาะเส้นทางที่เป็นภูเขาสูง  ไม่ขับรถเร็ว เปิดไฟหน้ารถหรือไฟตัดหมอก

จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่แซงหรือเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน  หากทัศนวิสัยแย่มากจนมองไม่เห็นเส้นทาง ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย  ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ  พร้อมทั้งหมั่นติตตามสถานการณ์และประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้  ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง  หากปริมาณฝุ่นละอองมีค่าเกินมาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ให้ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้หมอกควันลอยเข้าสู่บ้าน หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น  หากจำเป็นต้องออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดจมูกและปาก เพื่อลดปริมาณการสูดดมควันพิษจากฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระบบทางเดินหายใจขัดข้อง  หากมีอาการผิดปกติหลังจากสูดดมฝุ่นละอองหมอกควันให้รีบไปพบแพทย์ทันที 

ทั้งนี้  ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์หมอกควันสามารถติดต่อแจ้งเหตุและขอรับความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784  ตลอด  24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

 

 

 

ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

Shares:
QR Code :
QR Code