ปฏิวัติความคิดใหม่ ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อค
ที่มา : สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ)
ภาพประกอบจากเพจสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ)
สคอ ร่วมเปิดตัวโครงการฯ และลงนามความร่วมมือด้วยการเซ็นชื่อลงหมวกนิภัย เพื่อเป็นการแสดงพลังความร่วมมือจากภาคีในการปฏิว้ติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ) บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด สำนักงาน ร่วมเปิดตัวโครงการรณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อก ในโครงการ "สังคมหัวแข็ง" ปฏิว้ติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่อใช้รถจักรยานยนต์เพื่อปกป้องตนเองจากอุบัติเหตุทางถนน มีภาคีเครือข่ายรัฐ เอกชน และเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนร่วมงานจำนวนมาก
โดย นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวัน โดยมีเพลงสังคมหัวแข็งซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจังหวะที่จริงจังของเพลงปลุกใจ มาใส่ความสนุกสนานร่วมสมัยในสไตล์ฮิพฮอพ โดยในเนื้อเพลงจะกล่าวถึง 3 กฏเหล็กของการใส่หมวกกันน็อกที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัย ได้แก่ ขี่ซ้อนเราใส่ ใกล้ไกลเราใส่ ใครไม่ใส่เราไม่ยอม บอกเล่าผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มิวสิควีดีโอ ออนไลน์คลิป ภาพยนตร์โฆษณา สื่อกลางแจ้ง และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยมี จอห์น วิญญู, แป้งโกะ จินตนัดดา และ กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งต่างก็เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่มาร่วมรณรงค์ในฐานะผู้นำสังคมหัวแข็งในการสร้างจิตสำนึก และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์
ทั้งนี้ในการเปิดตัวโครงการฯ ทางสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ) โดย นายกษิดิศ ขันธรัตน์ ผู้จัดการ สคอ. ได้ร่วมเปิดตัวโครงการฯ และลงนามความร่วมมือด้วยการเซ็นชื่อลงหมวกนิภัรย เพื่อเป็นการแสดงพลังความร่วมมือจากภาคีด้วย
ในช่วงแรกของโครงการจะร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยรวม 12 บริษัท และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ สร้างสรรค์สังคมหัวแข็งต้นแบบ โดยมีพนักงานรวมกว่า 35,000 คน มาเป็นตัวอย่างที่ดีของคนไทยที่ใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อใช้รถจักรยานยนต์ และจะขยายไปยังสถานศึกษา สถานที่ราชการ และชุมชนต่างๆทุกจังหวัด ก่อเกิดเป็นสถานศึกษาและชุมชนหัวแข็งต้นแบบ แล้วยกระดับไปสู่การรณรงค์ในระดับประเทศ และในอนาคตอันใกล้ ทาง เอ.พี.ฮอนด้า จะร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กับหน่วยงานต่างๆ ต่อไป โดยจะมีการร่วมตกลงถึงรายละเอียดในการประสานความร่วมมือ การกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ และวิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป