ปฏิบัติการการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)
ภาพประกอบจากสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)
นักวิจัยชี้ อนาคต 20 ปี โครงสร้างประชากรกระทบเศรษฐกิจพื้นที่ ชู "ตากโมเดล" แผนการจัดการศึกษาที่สอดรับกับพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “แผนจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระบบจัดการศึกษาเพื่ออาชีพระดับจังหวัด ที่มีเป้าหมายเพื่อให้จังหวัดมีขีดความสามารถที่จะดำเนินการจัดการศึกษาอาชีพได้เองในระยะยาวใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน อำนาจเจริญ สุรินทร์ กาญจนบุรี ชลบุรี ตราด ภูเก็ต และสุราษฏร์ธานี
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สสค. ได้สนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาโดยใช้พื้นที่เป็นฐานการทำงาน โครงการพัฒนาระบบจัดการศึกษาเพื่ออาชีพระดับจังหวัด ภายใต้การสนับสนุนของ สพฐ. นี้เป็นการยกระดับการทำงานในการเตรียมความพร้อมทักษะอาชีพให้แก่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นลูกหลานของเรา ทั้งในกลุ่มที่ต้องการเรียนต่อ และกลุ่มที่จำเป็นต้องออกไปประกอบอาชีพหลังออกจากระบบการศึกษา โดยหากเราไม่เตรียมความพร้อมในวันนี้ลูกหลานเราก็จะก้าวไม่ทันโลก ซึ่งโจทย์นี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เพื่อให้การเตรียมความพร้อมเด็กและเยาวชนเข้าสู่โลกของการทำงานมีความแม่นยำ การประชุมปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการนำข้อมูลสถานการณ์ด้านการศึกษาและความต้องการตลาดแรงงานในพื้นที่มาวิเคราะห์และออกแบบเป็น (ร่าง) แผนการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพที่ตอบโจทย์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและที่เชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาและยุทธศาสตร์จังหวัด โดยอาศัยกลไกการทำงานอย่างมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ
ศ.ดร.สุมาลี ตั้งประดับกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ สสค.กล่าวถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการประกอบอาชีพให้แก่เยาวชนที่จังหวัดจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีฝ่ายต่างๆ อาทิ ภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคแรงงาน ภาคข้อมูลสถิติจังหวัด รวมถึงภาคเอกชนที่เป็นผู้จ้างงานสามารถให้การสนับสนุนข้อมูลทักษะและความต้องการแรงงานของแต่ละจังหวัด โดยจุดเด่นที่ สสค. นำมาใช้คือการใช้พื้นที่ระดับจังหวัดเป็นฐานในการทำงาน นอกจากงานขับเคลื่อนการทำงานในระดับจังหวัดแล้ว โครงการนี้ยังมีการศึกษาวิจัยการเรียนรู้ด้านอาชีพของนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในโรงเรียน 20 แห่งใน 10 จังหวัด โดยมีการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลและวัดทักษะเด็ก ได้แก่ ทักษะชีวิต ทักษะความเข้าใจในเรื่องอาชีพ และทักษะความเข้าใจในเรื่องการเงิน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผศ.ประพัฒน์ เชื้อไทย รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา กล่าวถึงบทเรียนในการจัดทำแผนจัดการศึกษาเพื่ออาชีพในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 จังหวัดเศรษฐกิจพิเศษว่า ตากเป็นเมืองการค้าชายแดน และประตูการค้าระหว่างประเทศ เมื่อรัฐบาลมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี แต่แผนการพัฒนากำลังคนยังขาดความชัดเจน แต่ด้วยความริเริ่มของภาคเอกชนจังหวัดตากจึงใช้เวทีระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในจังหวัด ได้แก่ ภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม เพื่อหาวิธีการบริหารจัดการร่วมกัน โดยมีม.ราชมงคลล้านนา เป็นกลไกเชื่อมประสาน วิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์ด้านการศึกษา และข้อมูลความต้องการตลาดแรงงานจังหวัด ซึ่งเชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาและยุทธศาสตร์จังหวัด จนทำให้ในขณะนี้เกิดเป็น (ร่าง)แผนแม่บทการพัฒนากำลังคนระดับจังหวัดที่ผ่านการมีส่วนร่วมของคนในจังหวัด และเป็นแนวทางการบูรณาการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานในอนาคตได้
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์การศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์กล่าวถึงความสำคัญของข้อมูลภาคเศรษฐกิจจังหวัดและตลาดแรงงาน จากการศึกษาวิจัยข้อมูลตลาดแรงงานร่วมกับ สสค. พบว่า แนวโน้มของจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวสูง อาทิ เชียงใหม่ ตราด ภูเก็ต สงขลา และอำนาจเจริญ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรในอีก 20 ปีข้างหน้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจังหวัด เด็กที่เข้าเรียนอนุบาลในปีนี้จำเป็นต้องเก่ง 2-3 เท่าของเด็กที่จบการศึกษาในวันนี้ มิเช่นนั้นแล้วเศรษฐกิจของจังหวัดจะจนลงทันที เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุจะมีจำนวนมากขึ้น แต่ประชากรวัยแรงงานมีน้อยลง การวางแผนการศึกษาจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยจังหวัดจะต้องเริ่มคิดเรื่องการเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กและเยาวชน โดยสามารถเริ่มต้นจากการศึกษาโครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดว่าเหมาะสมกับการประกอบอาชีพอะไร คล้ายการตรวจเช็คสุขภาพเศรษฐกิจของจังหวัดตนเอง หลายประเทศชั้นนำ อาทิ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และมาเลเซียก็มีการออกแบบแผนการจัดการศึกษาเพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจในระดับรัฐหรือจังหวัด วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วเราต้องทำแผนจัดการศึกษาควบคู่ไปกับแผนเศรษฐกิจ เพื่อให้ตลาดการจ้างงานสอดคล้องกับการผลิตคน
นายพีระ รัตนวิจิตร ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สพฐ. กล่าวว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้เป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาโดยใช้พื้นที่เป็นฐานการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่มุ่งพัฒนากำลังแรงงานให้สอดรับกับการพัฒนาภาคเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ประเทศไทย โดยที่ผ่านมา สพฐ. พยายามทุ่มงบประมาณในการสร้างเจตคติให้เด็ก 3 ด้าน คือ ทักษะวิชาการ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต การได้ความร่วมมือจากภาคีวิชาการจาก ทั้งสสค. ม.มหิดล และม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ผ่านการพัฒนากลไกความร่วมมือการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพระดับจังหวัด การวิจัยสำรวจตลาดแรงงาน และพัฒนาแผนและกิจกรรมการเรียนรู้ด้านอาชีพให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ จึงตอบโจทย์ยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงศึกษาธิการ