บ้านขนมแบ่งปัน จากร้านขนมสู่การปันรายได้ให้ชุมชน

จากเจ้าของกิจการ “สกุลเครือขนมไทย” ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ กันตินันท์ ชัยขาว ได้ย้ายตามสามีมาอยู่ที่ตำบลไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ก็ได้คิดริเริ่มที่จะทำกิจการขนมของตนเองขึ้นมาอีกครั้ง

กันตินันท์ ชัยขาว กันตินันท์ เล่าว่า เมื่อย้ายมาอยู่ที่ไกรนอกก็ไม่ได้ทิ้งอาชีพเก่า ได้เข้ามาบุกเบิกกิจการทำขนมไทย เริ่มต้นด้วยการทำขนมทองม้วน ที่กันตินันท์บอกว่า ทองม้วนไม่ใช่ขนมไทยที่ทำได้ง่าย ถึงแม้เราจะเห็นทองม้วนวางขายอยู่ทั่วไป แต่ที่มาของทองม้วนนั้นทำยากมาก เราเลยเห็นคุณค่าของทองม้วนในจุดนี้ เลยมาคิดวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ทองม้วนของเรานั้นเพิ่มมูลค่าได้

บ้านขนมแบ่งปันนั้นเริ่มต้นจากศูนย์ โดยกันตินันท์ร่วมกันกับญาติพี่น้องที่ตามมาด้วย 4 คน ช่วยกันเปิดกิจการ และบอกให้ชาวไกรนอกมาช่วยกันทำ ตอนแรกใช้วิธีจ้างชาวบ้านเป็นรายวัน ให้มาหัดทำ เพราะทองม้วนที่ทำอยู่นั้นต้องจ้างเป็นอัตราเหมา หลังจากนั้นพอคนเริ่มมาฝึกทำมากขึ้น ทำเป็นมากขึ้นก็เริ่มมีตลาดมากขึ้น ทั้งใกล้ทั้งไกล ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นสร้างกลุ่มขึ้นมาเป็นวิสาหกิจชุมชน

ด้วยเหตุนี้ทาง สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จึงได้เห็นถึงความสำคัญของ ร้านบ้านขนมแบ่งปันในด้านของการเป็นวิสาหกิจชุมชน ที่แต่เริ่มเดิมทีของร้านนี้

กันตินันท์ เล่าว่า ตอนเริ่มทำขนมนั้นเป็นช่วงประมาณปี 2552 ยังไม่ได้เปิดร้าน แต่เป็นโรงงานเล็กๆ มีคนทำขนม 16 คน มีเตา 16 เตา มีคนมาฝึกเต็มทุกเตา พอคนในตำบลเริ่มทำขนมทองม้วนเป็นกันมากขึ้น ก็เริ่มตั้งกลุ่มขึ้นมา พอเริ่มทำวางขายก็มีคนมาซื้อไปเรื่อยๆ ซื้อไปฝากคนนั้นคนนี้จนทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมา

กิจการ “สกุลเครือขนมไทย” ทองม้วนของที่นี่แตกต่างจากที่อื่นเพราะร้านนี้เน้นการบรรจุแพ็คเกจที่สวยงาม มีสติ๊กเกอร์บอกยี่ห้อ ระบุวันหมดอายุ รูปแบบของทองม้วนที่ไม่เหมือนใครและรสชาติที่พิถีพิถันทำ เพื่อให้เป็นที่ถูกปากถูกใจลูกค้า ทำให้สินค้าเริ่มติดตลาด มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจนเกิดการประชุมกันภายในกลุ่มเพื่อที่จะลงทุนสร้างร้าน ทำให้บ้านขนมแบ่งปันเกิดขึ้นมาได้เพราะเหตุนี้

“มาอยู่ที่นี่มีลูกตั้งชื่อลูกว่า แบ่งปัน เพราะชอบคำว่าปัน เลยใช้คำว่าบ้านขนมแบ่งปันเพราะฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น” กันตินันท์กล่าวถึงที่มาของชื่อร้านขนม นอกจากจะทำขนมขายแล้ว บ้านขนมแบ่งปันยังเปิดโอกาสให้ชาวตำบลไกรนอกได้เข้ามามีส่วนร่วมกับทางร้านอีกด้วย

“สำหรับเรานั้นถ้าเป็นตำบลไกรนอกทำสินค้าอะไรก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง เช่น กลุ่มลูกน้ำยุงลายทำปูนแดงมาขาย ไม่ได้ทำแพคเกจจิ้งมาแค่นำปูนใส่ถุงแล้วแม็กมาวางขาย ทางเราก็ต้องนำมาใส่ถ้วยแล้วจัดการซีลให้สวยงาม เพราะถ้าอะไรที่ไม่สวยแล้วมักขายไม่ได้ ทางเราก็ต้องไปเป็นที่ปรึกษา ถ้าเราทำของให้ดีเราก็จะขายได้ ส่วนเรื่องราคาดีหรือไม่ดีนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง” กันตินันท์เล่า

กันตินันท์ยังบอกอีกว่า การที่รับสินค้าชุมชนเข้ามาขายเพราะต้องการความหลากหลาย และคิดว่าหากชุมชนเติบโตแข็งแรง ชาวบ้านมีรายได้วันละ 200 – 300 บาท ครอบครัวของคนในชุมชนก็จะมีความสุข เมื่อครอบครัวดี หมู่บ้านและชุมชนก็จะดีตามไปด้วย อย่างเช่นสินค้าบางชนิดนั้น ก็นำไปเสนอลูกค้านอกตำบล นำไปเสนอวางขายตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ด้วยเพราะไม่ได้ต้องการที่จะขายหน้าร้านอย่างเดียว

บ้านขนมแบ่งปัน จากร้านขนมสู่การปันรายได้ให้ชุมชนบางครั้งชาวบ้านบางคนก็เข้ามาบอกว่าการทำนาเหนื่อยแต่เลิกทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร บางคนก็ขอมาทำงานด้วย ใจจริงแล้วตนเองอยากจะผลักดันอะไรอีกหลายอย่าง อย่างเช่นมีความคิดว่าจะทำศูนย์อาหารที่ร้านโดยจะให้ชาวบ้านมาช่วยกันทำ จัดตั้งกลุ่มของตนมาเลย เพื่อจะยกระดับชีวิตของชาวบ้านให้ดีขึ้นได้

และที่สำคัญตนไม่อยากได้ยินคำว่า ไกรนอกคืออะไรเพราะรู้สึกรักตำบลนี้ เวลาไปเห็นผลิตภัณฑ์ที่อื่นมักจะมีความรู้สึกว่า ชาวไกรนอกก็ทำได้ เพียงแต่ต้องไปช่วยชี้แนะหน่อย

“เราเองก็พร้อมที่จะรับและพร้อมที่จะผลักดันด้วย ว่าอะไรเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน ให้เขารวมตัวกัน เราเป็นที่ปรึกษา เพียงแต่ว่าชาวบ้านนั้นต้องลงมือทำเอง บริหารจัดการเอง ส่วนเรื่องของผลิตภัณฑ์นั้นส่งทำตลาดให้ได้ ออกแบบแพ็คเกจให้ได้”

ปัจจุบันนี้ร้านบ้านขนมแบ่งปันได้เปิดให้ กลุ่มน้ำดื่ม กลุ่มปูนแดงกำจัดลูกน้ำยุงลาย กลุ่มประดิษฐ์ผ้า กลุ่มข้าวซ้อมมือ และกลุ่มสมุนไพร ได้นำสินค้ามาร่วมวางขาย และสิ่งสำคัญคือการเน้นการออกแบบแพ็คเกจให้สวยงาม

“เพราะลูกค้าทุกคนที่มาเข้าร้านนั้นพร้อมที่จะซื้อสินค้าของชุมชนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าทางร้านต้องทำรูปแบบของหีบห่อให้สวยงาม ไม่ใช่ว่าเป็นสินค้าชุมชนอย่างไรก็ขายได้ ไม่ควรจะคิดแบบนั้น เพราะในปัจจุบันนี้ลูกค้าเองก็มีทางเลือกเยอะ” กันตินันท์ย้ำถึงความสำคัญของรูปแบบการบรรจุผลิตภัณฑ์

อ่านโมเดลการพัฒนาชุมชนดีๆ เว็บปันสุข

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

Shares:
QR Code :
QR Code