บูรณาการงานผู้สูงอายุ เล็งปั้น 155 ตำบลนำร่อง

“ยงยุทธ” นำทัพ 6 ก.สังคม บูรณาการงานผู้สูงอายุ เล็งปั้น 155 ตำบลนำร่อง


บูรณาการงานผู้สูงอายุ เล็งปั้น 155 ตำบลนำร่อง  thaihealth


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ณ ห้องนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม เป็นประธานแถลงข่าว “รัฐ-ราษฎร์ ร่วมใจห่วงใยดูแลผู้สูงอายุ” โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงด้านสังคม และผู้แทนหน่วยงานทั้ง 6 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงแรงงาน เพื่อบูรณาการงานของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในระดับพื้นที่ ระดับตำบล และอำเภอ ในทุกจังหวัดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม


บูรณาการงานผู้สูงอายุ เล็งปั้น 155 ตำบลนำร่อง  thaihealth


ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า ในปี 2578 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ดังนั้นรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนมาตรการรองรับผู้สูงอายุไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีศักยภาพต่อการร่วมพัฒนาสังคม โดยความร่วมมือระหว่าง 6 กระทรวง และหน่วยงานด้านสร้างเสริมสุขภาพ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันบูรณาการงานที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในระดับพื้นที่ ซึ่งแต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในแต่ละด้านตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน แต่จะเกิดกลไกเชื่อมประสานให้การทำงานในพื้นที่ระดับตำบลเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ช่วยลดความซ้ำซ้อน เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล เครือข่าย แลกเปลี่ยน องค์ความรู้ ทำให้สามารถวางแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีคณะกรรมการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ที่ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงต่างๆ ข้างต้น ร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน และตนทำหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะ ทั้งนี้ตั้งเป้าให้เกิดพื้นที่บูรณาการนำร่องอย่างน้อย 155 ตำบล ใน 76 จังหวัด ภายในปี 2558 จากนั้นจะขยายผลให้เกิดขึ้นทั่วประเทศต่อไป


บูรณาการงานผู้สูงอายุ เล็งปั้น 155 ตำบลนำร่อง  thaihealth


พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พม. เน้นสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และการพิทักษ์ผู้สูงอายุ ใน 8 ประเด็นสำคัญ คือ 1.พัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งชมรมผู้สูงอายุ 2.สนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุในพื้นที่ 3.ให้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ(ศพอส.) เป็นศูนย์กลางพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุระดับพื้นที่ 4.สนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ และสถานที่สาธารณะในชุมชน 5.สนับสนุนกิจกรรมนันทนาการ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ 6.สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุ  7.ส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่วัยสูงอายุ และ 8.ประสานความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่เพื่อสนับสนุนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ


นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สธ.เน้นจัดบริการด้านสุขภาพ อาทิ ส่งเสริมสนับสนุนการบริการสุขภาพผู้สูงอายุโดยการตรวจคัดกรอง/บริการทันตกรรม ประเมิน และส่งต่อเพื่อดูแลอย่างบูรณาการเชื่อมโยงจากสถานพยาบาลสู่ชุมชนท้องถิ่น การจัดทีมหมอครอบครัว (Family care team) เพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในผู้สูงอายุ การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง และส่งต่อเพื่อการบำบัดรักษา การฝึกอบรมผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care manager) และฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care giver) ในชุมชน


 


 


ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

Shares:
QR Code :
QR Code