บุหรี่ไฟฟ้า ยาเสพติดแปลงร่างชนิดใหม่
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้สูบบุหรี่ ที่มีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านทางอินเตอร์เน็ตอย่างเปิดเผยและมีจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังพบมีการออกบูทจำหน่ายในหลายสถานที่ เช่น งานแสดงสินค้าต่างๆ ข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่เสนอโดยผู้ลับลอบจำหน่ายเป็นข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางการรค้าที่พบผ่านทางอินเตอร์เน็ตและหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ มักจะโฆษณาว่า เป็นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเลิกบุหรี่ และอ้างสรรพคุณว่ามีนิโคตินปริมาณน้อย ผู้เขียนจึงได้พยายามค้นหว้าในเชิงให้ความรู้แก่สาธารณะ เพื่อให้รู้ถึงภัยอันตรายจากสินค้าแปลงร่างจากบุหรี่ตัวใหม่นี้
กระทรวงสาธารณสุขชี้อันตรายและผิดกฎหมายถึง 3 ฉบับ
ด้วยความเป็นห่วงผู้บริโภค กระทรวงสาธารณสุขของไทย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเตือนภัยผู้บริโภคว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าเลียนแบบ ที่ผู้จำหน่ายโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเลิกสูบบหุหรี่ หากสูบบุหรี่ไฟฟ้า 1 มวน จะเท่ากับสูบบุหรี่ทั่วไปถึง 15 มวน หากนำไปใช้จะเป็นอันตรายต่อหัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว ยังไม่มีผลการวิจัยรับรองว่าช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้ประกาศ มาตรการห้ามนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศโดยใช้กฎหมาย 3 ฉบับ
1. พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 มาตรา 10 เรื่องห้ามผลิตนำเข้า เพื่อขายหรือเพื่อจ่ายแจกเป็นการทั่วไป หรือโฆษณาสินค้าอื่นใด ที่มีรูปลักษณะที่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นสิ่งเลียนแบบผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประเภทบุหรี่ชิการ์แรตหรือบุหรี่ชิการ์ มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
2. พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำ หรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งยาแผนปัจจุบัน เว้นได้แต่ได้รับอนุญาติ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และมาตรา 72 ห้ามมิผู้ใดผลิตขาย หรือนำเข้า หรือสั่งนำเข้ายาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มาในราชอาณาจัก ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
3. พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ผู้ใดนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียค่าภาษีหรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้าม หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรสยาม ความผิดครั้งหนึ่งจะมีโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือถึงกรมศุลกากร เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบบุหรี่ไฟฟ้า ตามชายแดนทั่วประเทศ
ทำไมจึงห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าในหลายประเทศ
ศ. จอห์น บานซ์ฮาฟ จากองค์กรรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้รวบรวมข้อคิดเห็นจากนักกฎหมายในนิวยอร์ก โดยได้รวบรวมประเด็นต่างๆ เพื่อให้ความถูกต้องเป็นธรรมกับผู้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ให้ได้รับข่าวสารที่บิดเบือนจากฝ่ายผู้ได้ประโยชน์ทางการค้า ซึ่งทำให้สภาของรัฐนิวยอร์ก โหวตให้การห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชนะขาด 125-0 สำหรับประเทศที่ห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเลยนั้น ขณะนี้มี 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตเลีย บราซิล แคนาดา อิสราเอล แม็กชิโก และนิวซีแลนด์ ส่วนประเทศที่ให้เป็นสินค้าควบคุม ได้แก่ ฟินแลนด์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และอังกฤษ อยู่ในระหว่างดำเนินการให้เป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมเช่นเดียวกับยา นี้คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่นำเสนอต่อสภาของรัฐต่างๆ เพื่อให้มีการออกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า
ทั้งนี้ ข้อมูลของ FDA (กระทรวงอาหารและยาสหรัฐอเมริกา) ระบุว่า เน้นที่การประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ในรายงานใช้คำว่า “Acute health risks” และมีข้อความว่า “ the danger posed by their toxic chemicals…cannot seriously be questioned” ที่แสดงให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เกิดโรคร้ายแรงกับผู้บริโภคได้ “including racing pluse, dizziness, slurred speech, mouth ulcers, heartburn, coughing, diarrhea, and sore throat” จึงควรกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ กลุ่มองค์กรรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ The American Cancer Society, American Heart Association, American Lung Association, Campaign for Tobacco-Free Kids, American for Nonsmoker ’ Rights และ Association for the Treatment of Tobacco Use and Dependence จึงได้ผนึกกำลังกัน เรียกร้องให้เกิดการควบคุมการขายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มองค์กรรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ แสดงข้อมูลคัดค้านว่า บุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ ซิการ์ และไปป์ เป็นสินค้าที่ทำให้เยาวชนเสพติดนิโคติน และยังไม่มีการพิสูจน์ว่าปลอดภัยจริง
ซึ่งแม้ว่าจะมีการอ้างสรรพคุณว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ แต่จากเอกสารของ FDA ระบุไว้ว่าขณะนี้ “ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดพิสูจน์ได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ซิการ์ และไปป์ เป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการช่วยสูบเลิกบุหรี่” เป็นเพียงความเข้าใจของผู้ใช้บางกลุ่มเท่านั้น
โดยเอกสารของ FDA ยังระบุด้วยว่า ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูดเอาไอน้ำและสาร Propylene glycol เป็นสารการแข็งตัวในอุตสาหกรรม ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และจะได้รับนิโคตินซึ่งส่งผลให้เป็นโรคหัวใจล้มเหลว นอกจากนี้ยังมีสารก่อมะเร็งและสารพิษอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคนใกล้ชิดได้ด้วย ดังนั้น องค์กรรณรงค์ในอเมริกาจึงห้ามสูบบุหรี่ชนิดนี้ในสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน
ที่มา : เว็บไซต์ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ
เรียบเรียงข้อมูลโดย ชูรุณี พิชญกุลมงคล เจ้าหน้าที่โครงการศูนย์ข้อมูลเพื่อการไม่สูบบุหรี่
และโครงการเครื่อข่ายเฝ้าระวังและรู้ทันธุรกิจบุหรี่ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต