“บล็อกดินประสาน”… จากดินสู่บ้านมั่นคง
ช่วยคนขัดสนในชนบท ได้มีบ้านต้นทุนต่ำ สร้างสามัคคีในชุมชน
กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพ จ.เชียงใหม่จำนวน 13 คน ได้ตระหนักปัญหาความยากจน และไร้ที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ จัดโครงการ “ธนาคารบล็อกดินประสาน” ขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวบ้านที่มีฐานะขัดสนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทำบล็อกดินมาฝากยังธนาคารบล็อกดินประสาน และสามารถเบิกถอน รวมทั้งกู้ยืมไปสร้างที่พักอาศัยได้
“บล็อกดินประสาน” ถือเป็นวัสดุก่อสร้างชนิดหนึ่ง ผลิตจากดิน ปูนซีเมนต์ และน้ำนำไปอัดขึ้นรูป มีรู ร่อง และเดือย ทั้งในแนวดิ่งและแนวนอน เพื่อใช้ก่อประสานกันเป็นโครงสร้าง เพียงนำมาวางซ้อนกันตลอดความยาวผนัง ก่อได้สูงประมาณ 10 แถวต่อครั้งจากนั้นใช้น้ำปูนทรายหยอดลงในรูของบล็อก วิธีนี้ทำให้ก่อสร้างได้โดยไม่ใช้ปูนก่อ รวดเร็วและไม่ต้องพึ่งมืออาชีพ อันเป็นการดึงภูมิปัญญาของนักศึกษาและชาวบ้านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชุมชน
นายนพดล กันทะธง หรือ ตุ๊ ฝ่ายประสานงานโครงการฯ เล่าว่า ธนาคารบล็อกดินประสานได้รับแรงบันดาลใจมาจากธนาคารข้าว ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ยากไร้และขาดแคลนข้าวได้มีข้าวไว้กินตลอดทั้งปี ผ่านการบริจาคจากชาวบ้านและหน่วยงานต่างๆ จึงได้น้อมนำหลักการดังกล่าวมาใช้กับธนาคารบล็อกดินประสาน
เป้าหมายหลักของโครงการคือ ทำให้คนที่ขัดสนในชนบทมีบ้านต้นทุนต่ำ สร้างจากดินซึ่งเป็นวัตถุดิบหาได้ง่ายในท้องถิ่นเพื่อสร้างเป็นที่พักพิงถาวรของครอบครัว พร้อมกันนั้นยังเป็นการดึงการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในหมู่บ้านเป้าหมายเข้าทำงานร่วมกันเกิดเป็นความสมัครสมานสามัคคีภายในชุมชน ปัจจุบันได้เลือก หมู่บ้านดอยหล่อ ต.ทะลบอ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีฐานะยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของภาคเหนือเป็นพื้นที่เป้าหมาย มีผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ให้การสนับสนุนการทำกิจกรรมอย่างใกล้ชิด
“ตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ มีชาวบ้านหลายครอบครัวสนใจและแสดงความกระตือรือร้นสมัครเป็นสมาชิก ทำบล็อกดินประสาน และนำไปสร้างบ้าน จากการติดตามผลพบด้วยว่า ชาวบ้านแต่ละคนจะสามารถผลิตบล็อกดินได้ถึงคนละ 600 ก้อนต่อเดือน มียอดสะสมบล็อกดินประสานในธนาคารจำนวนมาก สามารถกู้ยืมบล็อกดินไปก่อสร้างได้ แต่จะต้องจ่ายคืนภายใน 6 เดือน เกินกว่านั้นจะต้องจ่ายบล็อกดินจำนวนหนึ่งเพิ่มเป็นดอกเบี้ย” นายนพดล กล่าว
ผลสัมฤทธิ์ของโครงการคือ การก่อสร้างบ้านหรืออาคารต้นแบบ โดยความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน เพื่อใช้เป็นศูนย์ฝึกอาชีพประจำหมู่บ้าน จนแล้วเสร็จ โดยใช้บล็อกดินประสานไปทั้งสิ้น 4,160 ก้อน ต่อจากนั้นจึงเปิดให้สมาชิกผลิตบล็อกดินมาฝาก เบิกและกู้ยืมไปใช้ก่อสร้างบ้านของตนเองในลักษณะการ “ลงแขก” ซึ่งทั้งหมดจะมีการประเมินผลและสรุปผลการดำเนินการโครงการอย่างต่อเนื่อง
นายนพดล บอกอีกว่า ทั้งหมดเป็นการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ชุมชนเกิดความรักและความสามัคคีที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และหากผลิตบล็อกดินเหลือใช้จากการสร้างบ้าน ก็จะมีรายได้เสริมจากการจำหน่าย ปัจจุบันมีร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในตัวอำเภอติดต่อขอซื้อเพื่อไปวางจำหน่ายบ้างแล้ว
ด้านนายบุญเป็ง อะทะเสน กำนันตำบลทะบล ในฐานะประธานโครงการธนาคารบล็อกดินประสาน กล่าวว่า เป็นโครงการที่ดี ทำให้คนยากจนในพื้นที่ซึ่งมีมากถึง 270ครัวเรือน ส่วนมากมีอาชีพรับจ้าง ทำนา และทำสวน ได้มีบ้านที่มั่นคงอยู่อาศัย
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่ได้ช่วยให้ชาวบ้านที่ยากจนได้มีบ้านอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ผลพลอยได้ยังเกิดกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยังยืน ช่วยลดการตัดต้นไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างบ้าน อีกทั้งลดต้นทุนจากการใช้ปูนซีเมนต์ในขั้นตอนการผลิตเมื่อเทียบกับอิฐบล็อก เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านเรือน ทำให้หลายหน่วยงานทั้งท้องถิ่น ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้นำโครงการดังกล่าวไปเป็นต้นแบบ และเป็นนวัตกรรมของท้องถิ่นต่อไป
โดยพลังที่สร้างสรรค์ดังกล่าว ยังถูกนำมาร่วมเป็นหนึ่งในนิทรรศการภายในงานรวมพลพลังเยาวชนครั้งยิ่งใหญ่ “พลังเยาวชน พลังสังคม” ครั้งที่ 1 ที่ลานสยามพารากอน-หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2552 จัดโดย สสส.มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และองค์กรภาคีเครือข่ายพัฒนาเยาวชนอีกกว่า 100 องค์กร
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
update: 01-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย