บริษัทบุหรี่บิดเบือนอันตรายควันบุหรี่

ชี้มีสารพิษ-สารก่อมะเร็งมากกว่าควันบุหรี่ที่ผู้สูบสูบเข้าไป 2-6 เท่า

 

 

 

บริษัทบุหรี่บิดเบือนอันตรายควันบุหรี่                มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  เปิดเผยรายงานของ แอน แลนด์แมน จากศูนย์สื่อเพื่อประชาธิปไตย วิสคอนซิน  ที่เผยแพร่ในพีอาร์ วอท์ช วันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา  ถึงการวิจัยเอกสารลับของบริษัท ฟิลิป มอริส เจ้าของบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร  พบว่าบริษัทได้วิจัยและรู้ถึงอันตรายของควันบุหรี่มือสองตั้งแต่ พ.ศ. 2514 แต่ได้ปกปิดเป็นความลับ พร้อมทั้งบิดเบือนข้อมูลเพื่อขัดขวางการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ 

 

                โดยระหว่าง พ.ศ.2524  ถึง 2529 ได้ทำการวิจัยอย่างน้อย 115 การทดลองที่เปรียบเทียบสารพิษของควันบุหรี่ที่ผู้สูบบุหรี่สูบเข้าไป กับควันที่ลอยจากปลายมวนบุหรี่หรือควันบุหรี่มือสอง  ฟิลิป มอริสพบว่าควันบุหรี่มือสองมีสารพิษและสารก่อมะเร็งมากกว่าควันบุหรี่ที่ผู้สูบสูบเข้าไป 2-6 เท่า แต่ ฟิลิป มอริสไม่เคยเปิดเผยผลการวิจัยเหล่านี้และเก็บไว้เป็นความลับสูงสุด ในขณะเดียวกันบริษัทได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าการปกปิดข้อมูลอันตรายของควันบุหรี่มือสอง โดยเมื่อสถาบันพิทักษ์สิ่งแวดล้อม สหรัฐอเมริกา ประกาศอย่างเป็นทางการว่าควันบุหรี่มือสองเป็นสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์ และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนอเมริกา 53,000 คนต่อปีในปี พ.ศ.2536  ฟิลิป มอริสได้วางแผนการสร้างความสับสนถึงอันตรายของควันบุหรี่มือสอง และสกัดกั้นการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะทั่วโลก  เอกสารภายในของบริษัทชิ้นหนึ่งปี พ.ศ.2536 แสดงถึงแผนการสร้างกระแสความสับสนเกี่ยวกับควันบุหรี่มือสอง  และการขัดขวางการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่  โดยพยายามเปรียบเปรยอันตรายของควันบุหรี่มือสองว่าเหมือนกับการกินน้ำที่ผสมคลอลีน หรือการใช้โทรศัพท์มือถือ เบี่ยงเบนจุดสนใจอันตรายของควันบุหรี่มือสองในที่ทำงานจากเรื่องอันตรายต่อสุขภาพเป็นเรื่องของการก่อความรำคาญ  เบี่ยงเบนการห้ามสูบบุหรี่ในภัตตาคารให้เป็นเรื่องของการยอมโอนอ่อนให้อยู่ร่วมกันและสูบบุหรี่ได้  ตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ระดับโลกในการขัดขวางการห้ามสูบบุหรี่ โดยให้เน้นการปรับปรุงระบบระบายอากาศภายในอาคารแทนการห้ามสูบบุหรี่  เบี่ยงเบนประเด็นอันตรายของควันบุหรี่มือสองไปที่เรื่องคุณภาพอากาศภายในอาคารจากสารที่อาจเป็นพิษอื่น สร้างเครือข่ายระดับโลกเพื่อผลิตผลงานวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างความสับสนถึงอันตรายของควันบุหรี่มือสอง

 

                ขณะเดียวกัน ฟิลิป มอริสได้ทำโครงการ โปรเจค บราสสซึ่งเป็นโครงการลับที่ทำโดยบริษัทลีโอ เบอร์เนทท์  เพื่อสร้างความสับสนถึงอันตรายของควันบุหรี่มือสอง เพื่อป้องกันการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ  เปลี่ยนความเชื่อของสังคม และสร้างบรรยากาศที่ยอมรับผู้สูบบุหรี่ในประชาชนทั่วไป  โปรเจคบราสสเปรียบเสมือนก้อนน้ำแข็งที่อยู่เหนือน้ำ  ยังมีโครงการอื่นอีกมากมายเพื่อสร้างกระแสบิดเบือนความเข้าใจของสังคมต่อควันบุหรี่มือสอง และหน่วงเหนี่ยวการออกกฎหมายในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก จนถึงโครงการที่ป้องกันไม่ให้มีการกำหนดรหัสโรคที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสองขององค์การอนามัยโลก

 

                ข้อมูลที่กล่าวแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แอน แลนด์แมน ค้นพบในการวิจัยเอกสารลับของบริษัทบุหรี่ที่ถูกเปิดเผยโดยการบังคับของศาล โครงการต่าง ๆ ของบริษัท ฟิลิป มอริสจงใจที่จะสร้างความเข้าใจผิดต่อชาวโลกจำนวนมากถึงอันตรายของควันบุหรี่มือสอง ทำให้เกิดความล่าช้าในการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ และได้คร่าชีวิตนับหมื่นนับแสนทั้งคนที่ไม่สูบบุหรี่และผู้สูบบุหรี่

 

                ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกพบว่า มีเพียงร้อยละ 5 ของประชากรโลกที่ได้รับการคุ้มครองจากควันบุหรี่มือสองโดยกฎหมายที่ห้ามสูบบุหรี่ 100%  ในที่สาธารณะ  มูลนิธิบลูมเบริกได้ให้ทุน 7 แสนดอลลาร์เพื่อให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขไทย ยกเครื่องกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ของไทยให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ให้ได้ 100%  ภายในเวลาสองปีเริ่มตั้งแต่ปีนี้ 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา :  : ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร. 02-278-1828 / 081-8229799

 

 

 

 

update 19-02-52

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ