น่าห่วง! คนไทยใช้สารเสพติด เกือบ 5 ล้านคน สสส. ชูโมเดลต้นแบบ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง แก้ปัญหายาเสพติดยั่งยืน

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

ปกข่าว น่าห่วง! คนไทยใช้สารเสพติด เกือบ 5 ล้านคน สสส. ชูโมเดลต้นแบบ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง แก้ปัญหายาเสพติดยั่งยืน

                    สสส. เปิดเวทีถอดบทเรียนความสำเร็จ “ชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx)” ชูโมเดล อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เป็นต้นแบบแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ชี้สถานการณ์น่าห่วง คนไทยเสพยาเสพติด เกือบ 5 ล้านคน แนะทางรอดต้องเปลี่ยนจากการตั้งรับสู่การสร้าง “ชุมชนเข้มแข็ง” ให้เป็นกลไกในการป้องกันและฟื้นฟู

นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) คนที่ 2 และประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1

                    วันที่ 2 ต.ค. 2568 ที่โรงแรม เซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงใหม่ นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) คนที่ 2 และประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1 กล่าวในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพพลังอำเภอสู่การเป็นอำเภอต้นแบบและอำเภอขยายผลในการขับเคลื่อนชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ว่า ปัญหาสถานการณ์ยาเสพติดของไทย แนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากงานวิจัยประมาณการผู้ใช้สารเสพติดในไทย ปี 2567 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พบคนไทยใช้สารเสพติด 1.9 ล้านคน ยาบ้า 1.5 ล้านคน และกัญชา 1.5 ล้านคน มีรากฐานมาจากปัญหาทางสังคม ความเหลื่อมล้ำ ความทุกข์ยาก และปัญหาปากท้อง ปัญหาเหล่านี้ถูกซ้ำเติมจากข้อจำกัดและความอ่อนแอของกฎหมาย ซึ่งเวทีในครั้งนี้ กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนและสร้างทีมให้ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ นำไปสู่ครอบครัวและสังคมที่ปลอดภัย

                    “สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ชูโมเดลแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ขยายผลขับเคลื่อน ‘การสร้างชุมชนเข้มแข็ง’ ภายใต้โครงการ ‘ชุมชนล้อมรักษ์’ (CBTx) โดยมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) เป็นกลไกหลักดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยสร้างศักยภาพให้ชุมชน สามารถคัดกรองผู้มีความเสี่ยง และติดตามดูแลผู้ป่วยที่ผ่านการบำบัดแล้ว ซึ่งเวทีในครั้งนี้ มีการถอดบทเรียนความสำเร็จของอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง นำร่องใน 2 หมู่บ้านที่มีผู้ใช้ยาเสพติด โดยมีการดำเนินงาน 4 ด้าน 1.คัดกรองเชิงรุก ด้วยการตรวจปัสสาวะประชาชนทุกคนในพื้นที่นำร่อง 2.ใช้กลไกชุมชน สอดส่องและแจ้งเบาะแส เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปคัดกรองถึงบ้าน 3.ทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างที่ว่าการอำเภอ สาธารณสุข ตำรวจ และภาคีเครือข่าย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน 4.ออกแบบการบำบัดผู้ใช้ยาเสพติด ภายใต้กรอบเวลา 16 สัปดาห์ ผลลัพธ์หมู่บ้านนำร่องใน จ.ลำปาง 28 คน ผ่านการบำบัดและตรวจไม่พบสารเสพติด” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

นายทศพล จำบุญมา นายอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง

                    นายทศพล จำบุญมา นายอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง กล่าวว่า ชุมชนต้องดูแลผู้ป่วยในระหว่างการบำบัดควบคู่ดูแลสภาพแวดล้อมของชุมชนให้โอบรับผู้ผ่านการบำบัดกลับสู่สังคม ด้วยการสร้างความเข้าใจให้กับคนในชุมชน ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อผู้ที่ผ่านการบำบัดแล้ว ส่งเสริมให้ผู้ที่เข้ารับการบำบัดสามารถสร้างรายได้ผ่านการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ เพื่อการประกอบอาชีพ เช่น การเกษตร และการประมง ด้วยการเชิญผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆ มาให้ความรู้ โดยทั้งหมดนี้ ดำเนินงานผ่านหลักการ 5 เสือ “ครอบครัว ผู้นำชุมชน เครือข่ายโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศาสนสถาน และฝ่ายปกครอง” เป็นการส่งเสริมการทำงานร่วมกัน ให้ชุมชนสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นายพิทยา จินาวัฒน์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และรองประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1

                    นายพิทยา จินาวัฒน์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และรองประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการชุมชนล้อมรักษ์ ภายใต้การสนับสนุนจาก สสส. เชื่อมการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น สร้างระบบดูแลผู้ใช้ยาเสพติดในชุมชนอย่างยั่งยืน อีกทั้ง สสส. เสริมสร้างความรู้ ทักษะ เครื่องมือ และนวัตกรรม ให้แก่ พชอ. เพื่อให้กลไกหลัก สามารถดำเนินงานได้อย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ที่ใช้สารเสพติดในพื้นที่”

นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

                    นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การบำบัดผู้ติดยาเสพติดที่ยั่งยืนคือการส่งเสริมให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในชุมชน ซึ่งมีข้อดีคือ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาในสถาบันเฉพาะ ชุมชนจึงเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ต้องเตรียมพร้อมเพื่อโอบรับผู้ผ่านการบำบัด โดยสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการยอมรับและไม่ตีตราผู้ป่วย เพราะหากสังคมต้อนรับ พวกเขาจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและสามารถกลับมาเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชนได้ หัวใจสำคัญคือการที่คนในชุมชนต้องมีความรู้สึก อยากช่วยเหลือและยอมรับ ผู้ป่วยในฐานะญาติพี่น้อง ด้วยการ เอาใจใส่ ดูแล และช่วยเหลือเกื้อกูล โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะใช้ยาซ้ำซ้อนจะต้องได้รับการดูแลเป็นรายกรณีไป ซึ่งการทำผิดพลาดถือเป็นเรื่องที่คนในชุมชนต้องร่วมกันดูแล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหานี้

Shares:
QR Code :
QR Code