นำร่องคลินิกวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ 5 แห่ง
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
สธ.เตรียมนำร่องคลินิกวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ 5 แห่ง โดยใช้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนต้นแบบในคลินิกนำร่อง 4 ภาค ภาคละ 1 แห่ง
นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรคในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีความเห็นชอบให้กรมควบคุมโรคดำเนินการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคสำหรับผู้ใหญ่ ในรูปแบบโครงการนำร่องคลินิกวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ (AVC : Adult Vaccine clinic) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมในการให้บริการวัคซีนกลุ่มผู้ใหญ่ โดยใช้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนต้นแบบในคลินิกนำร่อง 4 ภาค ภาคละ 1 แห่ง ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้และภาคกลางในส่วนกรุงเทพมหานครมีคลินิกบริการอีก 1 แห่ง ที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโรคคอตีบและบาดทะยักในกลุ่มผู้ใหญ่ และสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ 1.ผู้ใหญ่อายุ 20 ปี ขึ้นไป ต้องได้รับบริการวัคซีนคอตีบ-บาดทะยักกระตุ้น 1 ครั้ง ทุก 10 ปี 2.บุคคลที่ได้รับอุบัติเหตุที่นัดมารับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก 3.หญิงตั้งครรภ์ ช่วงอายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป ทุกคน และ 4.บุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับบริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 ครั้ง ซึ่งวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยักและไข้หวัดใหญ่ได้บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และอยู่ในสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายแพทย์อำนวย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติเห็นชอบให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้บริการในเด็กนักเรียนหญิงชั้นป.5 ทั่วประเทศโดยจะเริ่มให้ในปี พ.ศ.2560 นั้น กรมควบคุมโรคจะเดินหน้าเร่งผลักดันวัคซีนอีก 1 ชนิด คือ วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าเข้าสู่แผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งได้ประสานการดำเนินงานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติอย่างใกล้ชิด โดยวัคซีนโรต้าเป็นวัคซีนที่มีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง หากนำวัคซีนโรต้าเข้าสู่แผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค จะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันโรคอุจจาระร่วงรุนแรงในเด็กไทย คาดว่าจะบรรจุวัคซีนโรต้าในแผนงานฯภายในปีงบประมาณ 2561