นานาทัศนะ : ดาราอยากเห็นคนไทยสามัคคีกัน

 

 นานาทัศนะ : ดาราอยากเห็นคนไทยสามัคคีกัน

          บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงระส่ำระสาย เกิดความวุ่นวายโกลาหลเพราะม็อบเสื้อแดงรวมตัวกัน นอกจากจะทำให้คนกรุงเทพฯอย่างเรา ๆ ต้องเดินทางไปไหนมาไหนลำบากแล้ว เราก็ต้องใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงอีก เอ้า!วันนี้เราลองไปดูผลกระทบที่เกิดกับบรรดาคนบันเทิงกันหน่อยดีกว่าว่าเขาเจออะไรกันบ้าง

 

          เริ่มกันที่ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหากล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดมาเหตุการณ์ความรุนแรงในบ้านเราก็ไม่เคยยืดเยื้อมาขนาดนี้ เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง เรากลัวที่จะลุกลามมากมาย และเสียหายในทุกส่วน ไม่ใช่ว่าเฉพาะตัวเราเอง แต่ถามว่ากระทบตัวเราเองไหม กระทบเรื่องงาน อย่างเมื่อ 12-13 มี.ค. งานยกเลิกหมด เพราะทุกคนกลัว อันนี้คือของจุ๋ยส่วนตัว แต่น้อง ๆนักเรียนที่อยู่แถวสถานที่ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ก็ต้องปิดเรียน และก็มีบางสถานที่ที่เราไม่สามารถจะไปได้ ทั้ง ๆ ที่เรามีธุระแถวนั้น มันก็กลายเป็นความหวาดผวา เป็นความกลัว คนไทยเราไม่เคยเป็นแบบนี้ อะไรที่จะทำให้ยุติได้ จุ๋ยก็เป็นคนหนึ่งที่อยากจะวอนขอว่า หยุดเถอะ ไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ มันสามารถที่จะประนีประนอมและคุยกันได้ดี ๆ ในความรู้สึกของเรา แต่มันอาจจะทวีความรุนแรงโดยที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้ นี่ก็เป็นอีกความคิดหนึ่ง ซึ่งอันนี้เราก็ต้องเตรียมพร้อม ก็ต้องระมัดระวังตัว ไม่ออกไปไหน หรือทำอะไรที่จะเป็นอันตรายกับตัวเองในวันที่เขาบอกไว้ เจอแบบนี้ก็เครียดนะ อย่างงานก็โดนยกเลิกไปเยอะ ทำให้มันเสียโอกาสในตรงนี้ไป โดยที่มันจำเป็นแล้วเหรอ เป็นสถานการณ์ที่จะไม่สามารถคุยกันได้จริง ๆ แล้วเหรอ”

 

          ด้าน เป้ย-ปานวาด เหมมณี เผยว่า”ก็ไม่อยากให้ชุมนุมกันนะ อยากให้คนไทยรักกัน ก็กังวลนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนไทยด้วยกันเลือดสีเดียวกัน บรรพบุรุษเราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เราเป็นพี่น้องกันทั้งหมดจะมาตีกันทะเลาะกันมันก็ไม่ใช่เรื่อง เราควรจับมือกันแล้วใจเย็น ๆ ร่วมมือกันช่วยพัฒนาประเทศชาติดีกว่า เป้ยก็แอบมีตุนของกินหรือเงินเล็ก ๆ น้อยๆ เผื่อไว้ด้วยเหมือนกัน แต่ยังไงเป้ยก็ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงขึ้นนะคะ”

 

          ต่อกันที่ เมย์ เฟื่องอารมย์ กล่าวว่า”เมย์เองไม่ได้คิดอะไรมากกับการชุมนุมนะแต่ก็คิดว่ายังไงคนไทยก็ควรจะรักกัน รักประเทศชาติ ตอนนี้เศรษฐกิจก็แย่อยู่แล้วอยากให้ดีขึ้นกว่านี้ เราจะได้พัฒนาสู้ประเทศอื่นเขาได้ ถ้าเกิดเรายังมีปัญหาด้านการเมืองอยู่ ประเทศของเราก็อาจจะพัฒนาได้ไม่เต็มที่ เพราะรัฐบาลต้องมายุ่งกับเรื่องการเมืองอยู่ตลอด ก็ขอให้ทุกคนรักกัน หันมาทำอะไรที่ส่งเสริมบ้านเมืองมากกว่าค่ะ”

 

          ฟาก มด-ณปภัช วัฒนโกมลกุลเผยว่า “การชุมนุมก็ส่งผลกระทบกับงานของมดเหมือนกัน ก็มีเสียรายได้ไปบ้าง แต่เรื่องนี้หนูคิดว่าแล้วแต่คนคิด แล้วแต่วิจารณญาณของคน เรื่องรายได้ของมดเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆเราอยากให้มองไปถึงเรื่องความสามัคคีมากกว่ามดอยากจะให้คนไทยน่ะหันหน้าเข้าหากันและนึกถึงในหลวงของเราดีกว่า นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมให้มากเข้าไว้ค่ะ”

 

          นิว-วงศกร ปรมัตถากรกล่าวว่า “เมื่อครั้งที่แล้วที่มีม็อบงานก็ยกเลิกไปเยอะมากมีผลกระทบเหมือนกัน แต่ว่าครั้งนี้ยังไม่เจอ เพราะงานของผมในช่วงวันที่ผ่านมายังไม่มี แต่ผมว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบเฉพาะดารานักแสดงหรอกพวกเราทุกคนก็ต้องเจอ แล้วก็คนที่มีเพื่อน ๆ มีบ้านอยู่ในจุดอันตราย ร้านขายของต่าง ๆ เขาก็เตรียมเก็บของมีค่าเพื่อเป็นการป้องกันผมเองก็ไม่ไปในสถานที่ที่เขาเตือนว่าไม่ควรไป อาจจะแค่อยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน ผมอยากจะให้ทุกคนช่วยกันอย่าทำอะไรที่ทำให้ประเทศเราดูแย่ไปมากกว่านี้ เราพูดไปแต่ไม่ทำก็ไม่มีประโยชน์ ต้องช่วยกันให้ดีกว่านี้ อย่าเอาแต่พูดว่ารักเมืองไทยแต่คุณยังออกมาโจมตีประเทศอยู่

 

          อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ”

 

          แมน-ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ เผยว่า”ตอนแรกคิดว่ารถจะติด แต่สุดท้ายก็ไม่ติดเพราะคนเลือกที่จะไม่ออกจากบ้านกัน แต่ยังไงซะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้คนกรุงเทพฯเดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวกอยู่ดี ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้กลับไปดูแลครอบครัวกันซะ กลับไปดูแลในสิ่งที่เราคิดว่าให้กำเนิดเรามาซะ เพราะสุดท้ายคุณก็ต้องกลับไปอยู่ที่ภูมิลำเนาบ้านคุณ คุณจะมานั่งอยู่สนามหลวงทั้งปีหรืออีก 3 ปีเหรอถ้าคิดว่าจะอยู่แบบนี้อีกนานเราจะได้จัดการทำเป็นชุมชนขึ้นมาให้ มีห้องน้ำเคลื่อนที่ไว้บริการตลอดทั้งปี แต่อยากระลึกเอาไว้ว่าสุดท้ายคุณก็ต้องกลับไปบ้านคุณ คุณมาทำตรงนี้คนกรุงเทพฯ ไม่ได้ว่าอะไรเลยโอเคมันเป็นสิทธิที่คุณจะทำเพราะว่าคุณต้องดูแลผลประโยชน์ของตัวเอง”.

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update:16-03-53

 

อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code