นักท่องเที่ยวเห็นด้วยห้ามขายเหล้าสงกรานต์

กว่า 90% ยันมาเที่ยวไม่ได้มาดื่ม!

 

 นักท่องเที่ยวเห็นด้วยห้ามขายเหล้าสงกรานต์

          ผลโพลระบุนักท่องเที่ยว 66% เห็นด้วยไทยใช้มาตรการห้ามขายเหล้าช่วงเทศกาล กว่า 90% ยืนยันมาเที่ยวไทย เพราะแรงจูงใจมาเที่ยวไม่เกี่ยวอยากดื่ม ด้านเลขา สพฉ. ชี้ ควรคุมห้ามขายเหล้า – เบียร์ วันเดินทางไป – กลับภูมิลำเนา เพราะเกิดอุบัติเหตุมากสุด

 

          เมื่อวันที่ 3 มี.ค. นายชนินทร์ จันทรส นักศึกษาชั้นปี ที่ 4 มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า กลุ่มนักศึกษาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง เครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์ รู้ทันแอลกอฮอล์ และมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา สำรวจทัศนคตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 28 ประเทศ จำนวน 317 คน อายุระหว่าง 20 – 40 ปี อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย ฯลฯ ในพื้นที่ย่านท่องเที่ยว เช่น สีลม ถนนข้าวสาร ประตูน้ำ เซ็นทรัลเวิลด์ วัดพระแก้ว สนามหลวง ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2 มีนาคม 2552 เรื่อง มาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

 

          พบว่า นักท่องเที่ยวเกินครึ่ง หรือร้อยละ 58.04 ไม่รู้จักประเพณีสงกรานต์ และรู้จักสงกรานต์ ร้อยละ 41.95 ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวที่เคยมาอยู่เมืองไทยช่วงสงกรานต์ร้อยละ 29.02

 

          นายชนินทร์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวร้อยละ 66.88 เห็นด้วยในการใช้มาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาล และไม่เห็นด้วยเพียงร้อยละ 33.12 โดยนักท่องเที่ยวร้อยละ 84.54 มองว่าการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาล ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และคิดว่าจะส่งผลกระทบร้อยละ 15.45 เนื่องจากเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพ

 

          อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยใช้มาตรการดังกล่าวช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวร้อยละ 94.63 ยังยืนยันว่าจะมาเที่ยวเมืองไทย ขณะที่มีเพียงร้อยละ 5.36 ตอบว่าไม่มา ซึ่งในจำนวนนี้ไม่รู้จักเทศกาลสงกรานต์

 

          ไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดเลยที่ตอบว่าแรงจูงใจในการมาเที่ยวเมืองไทย คือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่แรงจูงใจส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเมืองไทย เป็นเพราะอยากชมโบราณสถาน วัดวาอาราม สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม และนักท่องเที่ยว ทราบว่า การดื่มมีผลกระทบต่อปัญหาต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ปัญหาค่าใช้จ่ายและปัญหาครอบครัวนายชนินทร์ กล่าว

 

          ด้านนพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายที่จะห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลโดยเริ่มจากเทศกาลสงกรานต์ปีนี้นั้น หากพิจารณาจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านๆ ส่วนตัวเห็นว่า วันที่มีความเหมาะสมที่จะห้ามขายมากที่สุด ได้แก่ วันที่ประชาชนต้องเดินทางไปและกลับ เนื่องจากเป็นวันที่มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด

 

          เนื่องจากมีการใช้รถใช้ถนนมากโอกาสการเกิดอุบัติเหตุก็จะสูงตามไปด้วย ยิ่งหากเมาแล้วขับโอกาสก็สูงเป็นเท่าตัว ซึ่งในรายงานการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า 70% เกิดกับรถมอเตอร์ไซค์ แต่หากเป็นช่วงเทศกาล รถมอเตอร์ไซค์จะเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นมากกว่า 70%

 

          นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2551 มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งสิ้น 32,327 คน โดยมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดในวันที่ 12 เมษายน จำนวน 5,376 คน ช่วงเวลาที่เกิดมากสุด คือ ช่วงเวลา 15.00 -19.00 น.จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ รองลงมาเป็น นครราชสีมา และ เชียงใหม่

 

          ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่ หากจะมีการห้ามขายควรดำเนินการในวันที่มีการเดินทางไปและกลับเช่นกัน โดยช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2552 ซึ่งมีการเก็บสถิติระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 25515 มกราคม 2552 จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งสิ้น 27,269 คน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 5,892 คน

 

          ขณะที่ น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า จำเป็นที่ต้องมีการควบคุมขอบเขตของการจำหน่ายแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะเป็นประเพณีไทยที่คนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนามากกว่าช่วงวันหยุดอื่นๆ

 

          การห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งช่วงของเทศกาล เชื่อว่าอาจทำได้ยาก แต่ในช่วงวันที่มีการเดินทางไปและกลับ จำเป็นต้องควบคุมอย่างเข้มงวด รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ เช่น ควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มให้แก่เด็กที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมาย การห้ามดื่มในสถานที่ที่กฎหมายกำหนด เช่น วัด สถานศึกษา เชื่อว่าการใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจะช่วยให้ลดอุบัติเหตุ รวมทั้งความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศลงได้

 

          นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สนับสนุนใครก็ตามที่คิดให้เกิดการลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาดีๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง ฯลฯ จึงอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ดีว่า ในแต่ละปีไม่ใช่เพียงแค่ยอดผู้เสียชีวิตในแต่ละเทศกาลมีเพียง 600-700 คนเท่านั้น แต่ยังมีผู้บาดเจ็บอีกมากมายในแต่ละปี แต่กลับมีผู้ที่ได้ประโยชน์รวยจากการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น จึงอยากให้เปรียบเทียบส่วนได้กับส่วนเสียให้ดี

 

          นพ.มงคล กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาครัฐและภาคประชาชนทั้งหลายก็ต่างไปรณรงค์กันผิดจุด มีการนวดประคบ ให้ผ้าเย็น แจกน้ำข้างถนน แต่มันเป็นปัจจัยเล็กๆ ทั้งที่ปัจจัยหลัก คือ เรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะแจกน้ำเย็น แจกผ้าเย็นให้เช็ดอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น เพราะคนขับดื่มเหล้าจนตัวร้อนผ่าว ทำอย่างไรก็ไม่ช่วย ดังนั้น จึงต้องไปแก้ที่ต้นเหตุคุมเรื่องการดื่มน้ำเมาจะตรงจุดกว่า

 

          ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่คนกลับบ้านไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ อยากให้เขาได้ไปอย่างมีสติ ไปอย่างสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ลดละเลิกน้ำเมาในช่วงนั้น เพื่อนำสิ่งดีงามเป็นกุศลก่อเกิดในช่วงเวลาที่ดี สังคมจะได้มีแต่ความเป็นกุศลและเมตตาก็เป็นเรื่องที่ดีมาก และเชื่อว่าการออกกฎหมายลูกจะง่ายกว่าการออกกฎหมายแม่ที่ผ่านมาแล้วนพ.มงคล กล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์astv ผู้จัดการ

 

 

update 04-03-52

 

Shares:
QR Code :
QR Code