`นวัตกร` ไม่ใช่แกะดำ โจทย์ใหญ่นโยบายสาธารณะ

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


'นวัตกร' ไม่ใช่แกะดำ โจทย์ใหญ่นโยบายสาธารณะ thaihealth


'นวัตกร' ไม่ใช่แกะดำ โจทย์ใหญ่นโยบายสาธารณะการขาดแคลนบุคลากรในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะไอซีทีและดิจิทัล เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน


แม้ปัจจุบันจะมีหลักสูตรปริญญาตรีด้านคอมพิวเตอร์กว่า 500 หลักสูตรใน 170 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ แต่ละปีมีผู้จบการศึกษากว่า 20,000 คน แต่ข้อมูลจากงานวิจัยโครงการศึกษาการพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหา "ปริมาณ" คนดิจิทัลไม่พอ ในปี 2560 มีผู้จบปริญญาตรีสาขาคอมพิวเตอร์ว่างงานราว 7,000 คน แต่ภาคธุรกิจมีปัญหา แสดงว่า บุคลากรมีปัญหาด้านคุณภาพ มีทักษะที่ไม่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ สถาบันการศึกษาด้านอุตสาหกรรม หุ่นยนต์ และระบบออโตเมชั่น อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและซ่อมบำรุงอากาศยาน 1 ใน new S-curve ยังมีไม่มาก ขณะที่การผลักดันประเทศไทยสู่ยุค 4.0 หลายฝ่ายได้ชี้ถึงข้อควรระวังว่า ยิ่งทำให้ไทยกลายเป็นประเทศ "ผู้บริโภค" เทคโนโลยีรายใหญ่มากขึ้น เพราะไม่มีการส่งเสริมให้เกิด "นักพัฒนา-นวัตกร" ผู้สร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่


"ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์" ประธาน TDRI ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในการสร้างนักพัฒนา บนเวที "Creating Innovators : สร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นนวัตกรเปลี่ยนโลก" จัดโดย TK Park สสส. และสำนักพิมพ์ Bookscape ระบุว่า 2-3 ปีมานี้ ประเทศไทยสนใจการส่งเสริม การพัฒนา "นวัตกร" ที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา "disrupt" สิ่งเก่าเป็นหลัก แต่หนึ่งในปัญหาที่พบในระบบ "มหาวิทยาลัย" แหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมยังมีเรื่องโบราณล้าสมัยฉุดรั้งไม่ใช่เฉพาะในไทย อาทิ การกำหนดตัวชี้วัดผลงาน (KPI) ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ว่าต้องมีผลงานวิชาการ ต้องทำวิจัย แต่อาจารย์หรือคนที่ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กที่เป็นนวัตกรเป็น "แกะดำ" ในหมู่นักวิชาการทั่วไป


การเป็น "นวัตกร" ไม่จำเป็นต้องสร้างเฉพาะสิ่งใหม่ที่ "disrupt" สิ่งเก่า อาจเป็นเพียงคนที่ทำของใหม่แบบปรับปรุงของเดิมให้ค่อย ๆ ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องหวือหวาแต่ทำได้ทุกที่และทุกวัน "นวัตกร" แบบนี้ทุกคนน่าจะเป็นได้ และควรส่งเสริม


"นักนวัตกรรมเป็นคนที่ได้ทั้งพรและคำสาป เพราะคนที่เป็นนวัตกรที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจะมีความสุขมาก อิ่มเอมและตื่นเต้นจากการได้ทำสิ่งใหม่ ได้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ด้วยความเป็นคนที่แตกต่าง ก็จะมีคนในสังคมที่ไม่เข้าใจเยอะ โดยเฉพาะในสังคมแบบไทย ๆ กระทั่งต้องมีความสามารถเฉพาะตัวหรือทักษะที่คล้าย ๆ กับสามารถ 'แอบทำ' ให้เป็น"


ในหนังสือ Creating Innovators : คู่มือสร้างนักนวัตกรรมเปลี่ยนโลก โทนี วากเนอร์ นักการศึกษา ผู้ก่อตั้งและ ผู้อำนวยการคนแรกของ Harvard Innovation Lab ยกตัวอย่างว่า พ่อแม่ของนวัตกรหลายคนมักปล่อยให้ลูกมีอิสระ แต่ถึงจุดหนึ่งพอไปเจอความจริงในโรงเรียนจะเกิดแรงกดดันถ้าปล่อยไปแบบโรงเรียน ลูกก็ไม่มีความสุข แต่ถ้าปล่อยให้ลูกเป็นอิสระครูก็ไม่พอใจ เกิดปัญหาการเข้าสังคม เป็นความทุกข์ของนักนวัตกรรม


ดังนั้นนวัตกรต้องมีปัญญาเอาตัวรอด ในสังคมถ้าเป็นเด็กอาจต้องทำทีละเล็ก ทีละน้อยแล้วลองดูว่าแบบไหนปลอดภัย ทั้งเป็นโจทย์ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องขบคิดในเชิงนโยบายสาธารณะว่าจะทำอย่างไรให้โรงเรียนของไทยปลอดภัยสำหรับการทำสิ่งแผลง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ สร้างนวัตกรรมได้ตลอดเวลา

Shares:
QR Code :
QR Code