“นวดน้ำมันลังกาสุกะ” ของดีจาก “จะแนะ”
เพิ่มการไหลเวียนโลหิต-แก้จุกเสียด-เคล็ดขัดยอกได้ดี
งานดีๆ ที่ 3 ปีมีครั้งที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ อย่างงาน “งานมหกรรมอาหารและวัฒนธรรมมุสลิมไทย” ครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 ม.ค. 52 จัดโดยแผนงานเสริมสุขภาวะมุสลิมสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ผ่านมา
ภายในงานเป็นการจัดแสดงนิทรรศการ การแสดง และภูมิปัญญาความรู้อย่างมากมาย ชนิดอั้นกันมา 3 ปี จัดครั้งหนึ่ง ภายในเน้นเรื่องของทัศนคติการปลุกเร้าให้พี่น้องมุสลิมหันมาเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต โดยให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพและเอาใจใส่ รักษาสุขภาพมากขึ้น ภายใต้แนวคิด new look for new life หรือมุมมองใหม่ใส่ใจสุขภาพ
หนึ่งในกิจกรรมที่นำมาสาธิตในงานครั้งนี้ที่ผสมผสานระหว่างความรู้อิสลามสำหรับการสร้างเสริมสุขภาพ และหลักการแพทย์สากลเข้าด้วยกันอย่างลงตัวคือ การนวดน้ำมันลังกาสุกะ จากศูนย์ประสานงานภาคใต้ตอนล่าง น่าสนใจเพียงใด เห็นได้จากจำนวนผู้ชมงานขี้เมื่อยทั้งหลาย ที่ต่อคิวรอนวดในบูธดังกล่าวอย่างล้นหลาม
นายมะนาเซ เจะแน หัวหน้าแพทย์แผนไทย อายุรเวท งานการแพทย์แผนไทย รพ.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส อธิบายความเป็นมาของการนวดนี้ว่า เป็นการนวดในพื้นที่ของ3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ่ายทอดมาจากรุ่นหนึ่งมาสู่รุ่นหนึ่ง มีเอกลักษณะเฉพาะตัววัฒนธรรมในพื้นที่ ซึ่งในอดีตเป็นการนวดสำหรับหญิงหลังคลอดและผู้ที่มีความเจ็บป่วยกล้ามเนื้อต่างๆ
“การนวดน้ำมันลังกาสุกะเป็นการนวดทั้งตัว เริ่มจากการนวดในท่านอนหงายที่ท้อง ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นจุดเริ่มต้นของเส้นต่างๆ จากนั้นก็นวดขาซ้ายเริ่มจากต้นขาลงมาจนฝ่าเท้า โดยลงไปแนวขาด้านนอก สลับไปกับการนวดต้นขาขวา แล้วตามด้วยนวดแนวแขน นวดฝ่ามือ ทำในและนอก แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนคว่ำโดยเริ่มจากนวดเอวและหลัง นวดขาด้านในแล้วจบด้วยท่านั่ง จากนั้นก็นวดแนวบ่า แนวคอ และสิ้นสุดการนวดโดยปกติจะใช้เวลานวดครบหลักสูตรประมาณ 1-2 ชั่วโมง”
คุณมะนาเซ อธิบายต่อไปว่า การนวดเสมือนยาอายุวัฒนะ เพราะทำให้เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากเม็ดเลือดแดงได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยถ่ายเทของเสียและท็อกซินได้ดี
“ไม่เพียงเท่านี้ยังทำให้ระบบต่อไร้ท่อที่หลั่งฮอร์โมนต่างๆ ทำให้อวัยวะทำงานได้ปกติ สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงให้อายุยืนยาวในทางอ้อม รวมถึงการนวดที่ค่อนข้างรุนแรงมีการลงน้ำหนัก จะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สำหรับผู้ที่ต้องนอนบนเตียงนานๆ การนวดนี้ก็สามารถป้องกันการเกิดแผลกดทับได้ หากนวดบริเวณบ่าคอ ช่วยป้องกันการปวดศีรษะได้ นวดหลังและขาก่อนการมีประจำเดือนก็สามารถช่วยป้องกันการปวดท้องในขณะนี้มีประจำเดือนได้ด้วย และยังช่วยลดการปวดเคล็ดขัดยอกของกล้ามเนื้อของเอ็น ข้อต่อ รวมถึงคลายเครียด แก้เป็นลม ลดอาการจุกเสียด แม้แต่การช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพและการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย”
ไม่เพียงแต่การนวดน้ำมันลังกาสุกะจะเป็นวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากพี่น้องมุสลิมที่สืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นแล้ว การนวดชนิดนี้คุณมะนาเซยังได้ประยุกต์นำน้ำมันยี่หร่าดำที่เป็นความเชื่อทางศาสนาของพี่น้องมุสลิมว่า สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดมาผสมผสานกับการแพทย์สมัยใหม่แทนที่จะเป็นลูกประคบที่มีสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นไพล ขมิ้น ฯลฯ นำมากลั่นเป็นน้ำมันแทน
คุณมะนาเซได้นำน้ำมันยี่หร่าดำมาผสมกับน้ำมันที่ได้จากสมุนไพรที่ในภาคอื่นๆ นำมาทำลูกประคบ มาเป็นน้ำมันนวดและประคบด้วยหินเผาไฟให้เกิดความร้อน ดังนั้นน้ำมันที่ได้รับการผสมผสานของสมุนไพรและน้ำมันยี่หร่าดำที่เป็นความเชื่อจะซึมเข้าสู่ผิว โดยอาศัยความร้อนจากหินที่นำมาประคบตามแบบฉบับของ รพ.จะแนที่นี่แห่งเดียว
“การนวดลักษณะนี้ที่คิดค้นประยุกต์ขึ้นมานั้นเป็นการผสมผสานความเชื่อพื้นบ้านที่ได้จากการนวดน้ำมันชนิดนี้ ผสมกับหลักวิทยาศาสตร์ที่เป็นการนำการนวดแผนไทยแบบราชสำนักมาประยุกต์กัน โดยใช้ความร้อนจากหินไปละลายสมุนไพรที่เป็นน้ำมันให้เข้าสู่ผิว เพราะในพื้นที่มีการนำหินร้อนมาประคบหลังคลอด”
องค์ความรู้เช่นนี้นับว่า เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นที่ได้รับการประยุกต์ ผสมผสานอย่างลงตัวเหมาะเจาะ สมกับแผ่นดินแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากร และความหลากหลายทางวัฒนธรรมในผืนดินแห่งนี้ ชื่อประเทศไทย เพราะไม่ว่าจะมีความแตกต่างเพียงใด การสร้างสุขภาพย่อมไม่มีพรมแดน
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update 30-01-52