“นมโรงเรียน” ต้องสดจืดเท่านั้น
ปัญหานมโรงเรียนมีมาอย่างต่อเนื่องช้านานไม่ใช่เพียงแต่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์จากงบประมาณไปจนถึงคุณภาพ
ที่กำลังเกิดปัญหาเป็นข่าวที่ยังไม่รู้ว่าจะจบยังไงมูลเหตุก็เดิมๆ แล้วผลที่ได้ก็เดิมๆ คือเด็กไทยของเรารับกรรมไปตามระเบียบ ไม่ต่างไปจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องรอรับกรรมจากการบริหารที่เกิดผลเสียแก่ชาติบ้านเมืองในขณะที่บางคนบางกลุ่มรับแต่ประโยชน์ไปอย่างเดี่ยว
เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ไม่อาจดูดายถึงผลเสียที่มาลงที่เยาวชนของเรา เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพที่สสส. ได้ถือว่าเป็นเรื่องหลักที่ต้องโดดเข้าไปปกป้องชี้นำให้สังคมช่วยกันสร้างความดีงามให้เกิดขึ้นได้จัดแถลงข่าวไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ที่โรงแรมเอเชีย กทม.
หัวข้อ “นมสด นมผสม นมอะไรดี?” โดย ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ผู้จัดการเครือข่าวเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่าปัญหานมโรงเรียนที่ไม่ได้มาตรฐานต้องแก้ด้วยการตรวจสอบประเมินผลเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการยกประเด็นว่านมโรงเรียนไม่อร่อย ไม่หวาน เด็กไม่ชอบดื่ม เพราะนมโรงเรียน คือนมโคสดแท้ 100% ที่ไม่แต่งกลิ่น ไม่เติมน้ำตาลจึงมีประโยชน์อย่างสูงกับเด็ก และยังเป็นการส่งเสริมเกษตรกรไทย จึงขอสนับสนุนให้กระทรวงศึกษาธิการยืนยันนโยบายให้นมโรงเรียนเป็นนมสด 100%
“การศึกษาของกองโภชนาการกรมอนามัย พบว่า หากเอานมโคสดแท้นมปรุงแต่งรสหวาน นมเปรี้ยว ปริมาณ 100 มิลลิลิตรา มาเปรียบเทียบคุณค่าสารอาหาร นมโคสดแม้จะให้สารอาหารที่จำเป็นสูงที่สุด ตามลำดับดังนี้ แคลเซียม นมโคสดแท้ 135 มก. นมหวาน 102 มก. นมเปรี้ยว 70 มก. โปรตีน นมโคสดแท้ 3.3 กรัม นมหวาน 2.3 กรัม นมเปรี้ยว 1.3 กรัม ขณะที่ทั้งนมหวานและนมเปรี้ยวจะทำให้เด็กอ้วนได้มากกว่า เพราะมีการเติมน้ำตาลซึ่งมีแคลอรี่หรือพลังงานที่สูงกว่านมโคสดแท้ นอกจากนี้ นมสดรสธรรมชาติยังเป็นอาหารที่สร้างความแข็งแรงให้กับฟัน แต่เมื่อเติมน้ำตาลกลายเป็นนมหวาน เด็กจะเสี่ยงเป็นโรคฟันผุมากกว่าเด็กที่ดื่มนมจืด 2-3 เท่า” ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์กล่าว
รศ.พญ.อุมาพร สุทัศน์รวุฒิ ประธานชมรมโภชนาการสำหรับเด็ก กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังตื่นตัวกับปัญหาเด็กอ้วน มีข้อมูลว่าหากไม่แก้ไขและลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อีก 10 ปีข้างหน่า 1 ใน 5 ของเด็กปฐมวัยหรือราว 1 ล้านคน จะเป็นโรคอ้วน และ 1 ใน 10 ของเด็กวัยเรียนจะเป็นโรคอ้วนสังคมจึงควรช่วยป้องกันทุกทางที่ทำได้
“แคลเซียมในนมเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและความหนาแน่นของมวลกระดูก ส่วนความหวานที่ถูกเติมเข้าไปในนม ไม่มีประโยชน์ใดๆ นอกจากทำให้เด็กเสี่ยงต่อความอ้วน และสร้างนิสัยติดหวานนอกจากนี้ การกินนมหวานจะมีผลทำให้เด็กได้รับแคลเซียมซึ่งร่างกายนำไปสร้างมวลกระดูกได้น้อยกว่าการดื่มนมสดน่าดีใจว่าเด็กๆ ในศูนย์เด็กเล็ก และนักเรียนประถมจะได้ดื่มนมโรงเรียนฟรีจนถึง ป.6 จำนวนราว 6 ล้านคน การได้นมโคสดแท้ 100% จะทำให้เด็กเติบโตได้เต็มศักยภาพ และเป็นการสร้างนิสัยการกินที่ถูกต้องดดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน หัวใจ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของคนไทยในอนาคต และกระทบคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศ” รศ.พญ.อุมาพรกล่าว
ด้านว่าที่ร้อยตรีพัทธโรจน์ กมลโรจน์สิริ ผอ.โรงเรียนแสงวิทยา กล่าวว่า “ได้เข้าร่วมโครงการเด็กไทยไม่กินหวาน ในโรงเรียนรณรงค์เลิกขายน้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ ลดน้ำตาลและให้ดื่มนมจืด แทนนมที่มีรสหวานพบว่าเริ่มแรกเด็กบางคนไม่สามารถดื่มนมจืดได้ จึงปรับพฤติกรรมโดยค่อยๆ ผสมนมให้ลดความหวานลงตามลำดับพร้อมกับการให้ความรู้ ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 เดือนเด็กสามารถดื่มนมจืดได้ 100% โดยนมที่ใช้จะเป็นนมโคสดเท่านั้นทั้งยังพบว่า นมจืดที่ขายในโรงเรียน ซึ่งไม่ได้บังคับให้ดื่ม เด็กก็ยังซื้อนมจืดดื่มนมจืดจึงไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้เด็กไม่ดื่มนมหากใช้นมมีคุณภาพอย่างนมโคสดแท้ 100%
หัวข้อที่ สสส.จัดแถลงข่าวไปแล้วนั้นเป็นคำถามแล้วมีคำตอบให้แบบทุบโต๊ะถึงกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าจะเกิดปัญหาหรือผลประโยชน์อะไรกันก็ตามแต่ “นมนักเรียน” ต้องนมสดและรสจืดเท่านั้น นี่คือประโยชน์สูงสุดของเด็กไทยของเรา
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update 26-02-52