นมแม่…กินยังไงป้องกันหวัด 2009

ยามหัศจรรย์ ช่วยคุ้มกันลูกจากโรคภัย

 

นมแม่…กินยังไงป้องกันหวัด 2009 

          เวลานี้ได้ยินชื่อ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ก็ผวาหลายตลบ ยิ่งสื่อมวลชนประโคมข่าวถึงการระบาดอย่างง่ายดายการตายด้วยเวลาอันสั้นเมื่อเป็นโรคที่ว่านี้ยิ่งผวาหนัก

 

          แต่เท่าที่ฟังจากคุณหมอที่เกี่ยวข้องหลายท่านพยายามบอกประชาชนคนไทยว่าอย่าตื่นตระหนก เพราะจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากไปกว่าหวัดใหญ่ตัวเก่าๆ เพียงแต่ว่าต้องให้ความเอาใจใส่ในการป้องกันดูแลรักษา อย่าเปิดช่องให้เชื้อหวัดดังกล่าวเข้าโจมตีเราได้

 

          “โรคนี้ในผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง อาการไม่ได้รุนแรงมาก ใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดเป็นประจำทุกปี อัตราตายก็ใกล้เคียงกัน คือประมาณ ร้อยละ 0.1 – 0.2 หมายความว่าถ้ามีผู้ป่วย จำนวน 1,000 คน ก็มีโอกาสเสียชีวิต 1 – 2 คน” นั่นเป็นคำยืนยันของคุณหมอหลายท่าน

 

          จากสถิติของผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบว่า ผู้ที่เสียชีวิตมักเป็นคนที่มีอายุน้อยหรืออยู่ในระยะที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง คือ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีผู้สูงอายุ อายุมากว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้มีโรคประจำตัว (โรคปอด โรคหัว เบาหวาน มะเร็ง เอดส์ ฯลฯ) แล้วก็ผู้ได้รับยาแอสไพรินเป็นเวลานาน

 

          การดูแลเพื่อลดโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในทุกระดับอายุคน ต้องรู้ไว้ว่าเชื้อไวรัสอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เชื้อเมื่อติดโรคแล้วมักจะมีอาการภายใน 1 – 3 วัน คนเป็นโรคจะแพร่เชื้อได้ในระยะ 1 วันก่อนมีอาการ จนถึง 7 วันหลังวันเริ่มป่วย เชื้อมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเท่าใดยังไม่มีคำตอบ แต่เป็นไปได้เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่อื่นๆ

 

          อาการคนเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ อาจมีอาการ อาเจีน ท้องเสีย และหากมีอาการรุนแรงจะมีอาการปอดอักเสบรุนแรง หอบหายใจลำบาก

 

          เน้นย้ำการปฏิบัติตัวในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 1. กินร้อน 2. ช้อนกลาง 3. ล้างมือ 4. ใส่หน้ากาก 5. ไม่แออัด 6. ปัดกวาดเช็ดถู 7. ป่วยไม่มากให้อยู่กับบ้านและให้ความสำคัญกับการกินอาหารครบถ้วนออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

 

         โดยเฉพาะการปฏิบัติตัวสำหรับเด็กนที่ต้องย้ำเพื่อปลูกฝังให้เป็นนิสัย คือ มือสะอาดก่อนจับหน้า มือสะอาดก่อนหยิงอาหารเข้าปาก ไม่เอาของสกปรกเข้าปาก หมั่นล้างมือหมั่นล้างของเล่นเด็กให้สะอาด ไม่ไอ จามรดกันใช้ช้อนกลางตักอาหาร ไม่กินน้ำปนแก้วปนหลอด พ่อแม่ ครูอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่างและคอยย้ำลูกหลานนักเรียน เช่น สอดแทรก ในการเล่าเรื่อง เล่านิทาน เป็นต้น

 

          พูดถึงเด็กๆ แล้วจะไม่พูดถึงเด็กทารกไม่ได้ เด็กทารกที่ยังต้องกินนมโดยเฉพาะนมแม่ เพราะมีความห่วงกังวลกันเป็นอย่างยิ่งนั่นคือการให้ลูกกินนมแม่ในระยะมีการระบาดโรคไข้ดังกล่าวของโลก โดยธรรมชาติเมื่อแม่ติดเชื้อใด แม่จะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อนั้น ในน้ำนมแม่จะมีภูมคุ้มกันต่อเชื้อนั้น ในน้ำนมแม่จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ (Specific antibody) สารช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอื่นๆ (immune boosting substance) ภูมิคุ้มกันและสารต่างๆ จะถูกส่งสู่น้ำนมแม่ เมื่อลูกกินนมมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่จะช่วยปกห้องเด็ก เนื่องจากในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ ระบบภูมิคุ้มกันยังเจริญไม่เต็มที่ สำหรับแม่ลูกยังไม่ป่วย ให้ลูกยังคงกินนมแม่ต่อไป

 

          ถ้าแม่ป่วยเวลาที่แม่มีอาการ ลูกมักได้รับเชื้อ หรือติดโรคไปแล้ว ตัวแม่ก็จะมีภูมิคุ้มกัน น้ำนมแม่ก็จะมีภูมิคุ้มกัน เมื่อให้ลูกกินนมแม่ ลูกก็จะได้น้ำนมที่มีภูมิคุ้มกันซึ่งจะช่วยให้ไม่เป็นโรค หรือถ้าเป็นก็ไม่รุนแรง ควรให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ จะได้รับภูมิคุ้มกันมากขึ้น

 

          แต่ต้องย้ำไว้ด้วยว่า แม่ต้องป้องกันการไอ จามรดหน้าลูก ใส่ผ้าปิดปากระหว่างให้นมลูก หมั่นล้างมือ ในกรณีแม่ป่วยมาก ไอมาก กังวลใจมากกว่าลูกจะติด แยกแม่กับลูกได้ แต่ยังควรให้นมลูกโดยบีบน้ำนมแม่ป้อนลูก บีบออกบ่อยๆ คงวงจรสร้างน้ำนมไว้

 

          การใช้หน้ากาก (Mask) เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ระวังการจาม ฮัดเช้ย!! ละออง น้ำมูกจะมีความเร็วประมาณ 50 เมตรต่อวินาที ไอ 10 เมตรต่อวินาที หายใจธรรมดา 1 เมตรต่อวินาที ดังนั้น การป้องกันทั่วไป เมื่ออยู่ในที่ที่มีโอกาสรับเชื้อจากการหายใจรดกัน หรือไอจามควรใส่หน้ากาก

 

          โดยใช้หน้ากากแบบที่แพทย์ผ่าตัดใช้ หรือหน้ากากผ้าใช้ผ้าบางๆ เย็บซ้อนกัน 2 – 3 ชั้น ให้ใส่ครอบบริเวณจมูก ปาก และคาง ผูกสายรัดให้พอดีไม่เอามือจับหน้ากาก ถ้าจับต้องล้างมือ ถ้าใช้แบบใช้แล้วทิ้ง ใส่แต่ละอันไม่เกิน 1 วัน ถ้าใช้แบบผ้า เวลาถอดต้องหาถุงใส่แล้วนำไปทำความสะอาด ระมัดระวังมือไม่ไปสัมผัสบริเวณด้านหน้าของหน้ากาก

 

          จึงขอฝากย้ำถึงคุณแม่ทุกคนว่าน้ำนมแม่ คือ ยามหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติสร้างเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันสู่ลูกน้อย หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยชั้น 3 อาคาร 904 ศูนย์การแพทย์และอนามัยในพระองค์ โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ถนนสุโขทัย เขตดุสิต กทม

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

 

Update 09-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code