ธนาคารความดีคลังความดีของชุมชน

ธนาคารความดีคลังความดีของชุมชน 

 

            การสะสมความดีตามหลักของ ธนาคารความดี เป็นกิจกรรมหลักที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างสุขภาพ หรือ สสส.นั้น พยายามกระจายแนวคิด และวิธีการปฏิบัติลงสู่ชุมชน ซึ่งวันนี้ นับเป็นเวลาเกินครึ่งปีแล้ว ที่ได้มีการนำแนวคิดของธนาคารความดีเข้ามาปรับใช้ในหน่วยสังคมต่างๆ ตั้งแต่ชุมชนระดับหมู่บ้าน ตำบล จนกระทั่งหน่วยเล็กๆ อย่างในโรงเรียน

 

            เรื่องราวของธนาคารชุมชนเป็นเรื่องที่ 18 ชุมชนต้นแบบของ สสส. ที่รับเอาหลักการมาปรับใช้ได้เป็นอย่างดี และเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเริ่มต้นพัฒนาต่อยอดจากโครงการ “ศูนย์สามวัย ใฝ่คุณธรรม” ที่มีกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนเป็นผู้นำ ทำกิจกรรมในรูปแบบของการสร้างสานสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มผู้สูงอายุ กลับกลุ่มเด็กเล็ก และเยาวชนคนร่นใหม่

 

            เริ่มตั้งแต่การนำความดีที่คนเราปฏิบัติอยู่แล้ว มาทำให้จับต้องได้ด้วยการยืนยัน เขียนบันทึกลงในสมุด และนำคะแนนความดีนั้นๆ มาฝากเอาไว้กับธนาคารความดี

 

            ที่บ้านเหมืองหลวง ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จังหวัดเชียงราย ทุกวันอาทิตย์จะมีเด็กๆ และผู้เฒ่าผู้แก่มารวมตัวกันที่ธนาคารความดี ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อนำสมุดเงินฝากที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความดีของแต่ละคน มาแลกเป็นคะแนนความดี และบันทึกลงในสมุดสะสมคะแนนความดี และฝากคะแนนเอาไว้กับธนาคาร

 

            เมื่อเจ้าของบัญชีความดี มีผู้รับรองอย่างน้อย 3 คน ก็จะได้คะแนนตามที่ได้ทำเอาไว้ ซึ่งแบ่งเอาไว้เป็น 5 ประเภทคร่าวๆ อย่างเช่น การช่วยเหลือชุมชน ได้ 5 คะแนน การบริจาคเงิน หรือช่วยเหลืองานบุญได้อีก 5 คะแนน การปฏิบัติธรรม ได้ 5 คะแนน และการสร้างเสริมสุขภาพ อย่างเช่น การปลูกผักกินเอง ได้ 5 คะแนน แต่ถ้าหากเป็นการงดดื่มเหล้า จะได้คะแนนสงถึง 10 คะแนน

 

            เมื่อครบ 6 เดือนแล้ว สมาชิกเหล่านี้จะสามารถเบิกถอนคะแนน เพื่อแลกเป็นสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคติดไม้ติดมือกลับบ้านไปได้ โดยจะเป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างเช่น สบู่ แป้ง แปรงสีฟัน เป็นการลดภาระรายจ่ายในครอบครัวได้จากการทำความดี

 

            นอกจากที่จังหวัดเชียงรายแล้ว ธนาคารความดียังเกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ตำบลปากพูน อ.เมือง โดยใช้ชื่อโครงการว่า ธนาคารความดี-ธนาคารเวลา ซึ่งมีร้านค้าของธนาคารความดีเป็นจุดหมายปลายทางในการแลกเปลี่ยนคะแนนความดีกับสิ่งของ โดยร้านค้าแห่งนี้เกิดจากกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีสมาชิกกว่า 7,000 คน และสินค้าต่างๆ จะมาจากการบริจาคของสมาชิกในชุมชนเช่นกัน

 

            โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในระดับชุมชนเท่านั้น แต่ยังมีตัวอย่างในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ที่เริ่มนำเอารูปแบบของธนาคารความดีเข้ามาใช้ในการสนับสนุน และกระตุ้นให้เด็กๆ รู้จักจิตสาธารณะ โดยโครงการฯ จะเริ่มนำมาใช้กับเด็กตั้งแต่ระดับประถมวัย เพราะยังเป็นวัยที่ใสสะอาด และกำลังสนใจใฝ่หาความรู้รอบตัวจากการได้สัมผัสประสบการณ์นอกบ้านเป็นช่วงแรกของชีวิต

 

            เด็กๆ ในระดับชั้นอนุบาลของโรงเรียนในต่างจังหวัด ต่างกระตือรือร้นที่จะสะสมความดี และนำสมุดธนาคารไปให้กับคุณครูเพื่อบันทึกคะแนน และหากเด็กๆ ทำความดีเมื่ออยู่ที่บ้าน พวกเขาจะได้รับการบันทึกคะแนนความดี โดยมีผู้ใหญ่ที่บ้านเป็นผู้รับรอง

 

            ทั้งสองชุมชนตัวอย่าง และกลุ่มโรงเรียน ได้เห็นผลตอบรับ และผลสะท้อนที่เกิดขึ้นจากการจัดตั้งธนาคารความดี ที่แม้หลายคนจะมองว่าเป็นการทำความดีเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ แต่อันที่จริงแล้ว การเริ่มต้นด้วยกระบวนการคิดของการส่งเสริม และปลูกฝังให้คนทำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ในท้องถิ่นไกลความเจริญ ได้มีโอกาสเรียนรู้ว่า การทำความดีนั้นไม่ยาก

 

            นอกจากนั้น การส่งเสริมและกระตุ้นให้เด็กๆ อยากทำความดียังทำให้พวกเขาเอาชีวิตออกห่างจากอบายมุข นอกจากนั้น เยาวชนบางกลุ่มยังใช้เวลาว่างมาช่วยกิจกรรมการรับฝากคะแนนความดีของธนาคารด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเป็นภูมิคุ้มกันความดีให้กับเด็กๆ ในการเติบโตและก้าวเข้าไปอยู่ในโลกกว้างได้อย่างแข็งแรง และยังเป็นต้นแบบแนวคิดที่จะช่วยยกระดับจิตใจ และมุมมองในการทำประโยชน์เพื่อสังคมให้กับคนในแต่ละท้องถิ่นได้ด้วยเช่นกัน

         

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

update : 27-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

Shares:
QR Code :
QR Code