ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์

แฟ้มภาพ

แพทย์ เผยเลี้ยงทารกด้วยความเชื่อผิด ๆ เสี่ยงอันตราย ยืนยันกินนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือนดีที่สุด

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรณีสังคมออนไลน์แชร์เรื่องเกี่ยวกับคุณย่าของเด็ก ได้นำน้ำผึ้งผสมน้ำให้หลานวัย 2 เดือนเศษ ๆ กินโดยมีความเชื่อหรือเข้าใจผิดตามที่ “เขาว่ากันว่า” มันช่วยอะไรก็ไม่รู้นั้น เป็นความเชื่อและการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และอาจจะส่งผลกระทบต่อทารกได้ เนื่องจากตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เด็กควรได้กินนมแม่อย่างเดียวติดต่อกันตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน โดยไม่ต้องให้น้ำหรืออาหารอื่น เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารครบถ้วน ย่อยง่าย และถูกสร้างมาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของทารกที่มีระบบการย่อยและดูดซึมอาหารยังพัฒนาไม่เต็มที่ หากกินอาหารอื่นที่ไม่ใช่นมแม่เข้าไป อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติ เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย แพ้อาหาร และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากลำไส้อุดตัน แต่หลังจากทารกอายุครบ 6 เดือน เมื่อระบบย่อยและดูดซึมอาหารพัฒนาได้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว จึงให้เริ่มกินอาหารที่เหมาะสมตามวัย เช่น กล้วยน้ำว้า ไข่แดง ข้าว ผัก ผลไม้ และสารอาหารอื่น ๆ ควบคู่กับการกินนมแม่อย่างต่อเนื่อง หากลูกวัยทารกมีอาการ เช่น ท้องผูก แหวะนม ควรปรึกษาสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน

“นมแม่เป็นอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับลูก มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด ในระยะ 1-7 วันแรกจะมียอดน้ำนมที่เรียกว่า หัวน้ำนม ถือเป็นยอดอาหารที่อุดมไปด้วยสารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ครบถ้วน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำนมแม่มีภูมิคุ้มกันสูงสุด เปรียบเสมือนได้รับวัคซีนหยดแรกของชีวิต เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เพราะเด็กแรกเกิดจะยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองได้ ทารกที่ได้ดื่มนมแม่จึงมีภูมิต้านทานต่อต้านเชื้อโรค และช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ลดภาวะเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ หอบหืด หูอักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าทารกที่กินนมแม่มีการพัฒนาความสามารถทางสมองดีกว่าทารกที่ไม่กินนมแม่อีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวทิ้งท้าย