‘ทอดผ้าป่าแยกขยะ’ ไอเดียเก๋ๆ ของ ‘ชาวบ้านหม้อ’
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
"พลาสติก" กำลังเป็นขยะที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะจากข่าวที่เราได้เห็นในเวลานี้ สะท้อนชัดว่า พลาสติกส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลก
รู้หรือไม่ ว่าปริมาณขยะที่ประเทศไทยสร้าง 27 ล้านตันต่อปีนั้นมีพลาสติกผสมอยู่ถึง 3.2 ล้านตันเลยทีเดียว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ขยะ" ได้กลายเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต่างหันมาให้ความสำคัญ โดยเฉพาะขยะพลาสติก ที่กำลังเป็น Mission ระดับโลก
ปัญหาขยะพลาสติกไม่ได้วิกฤตแค่ในเมืองไทย เพราะแม้แต่องค์การสหประชาชาติก็ได้ประกาศให้มลพิษขยะพลาสติกในมหาสมุทรทั่วโลก คือ วิกฤติสำคัญของโลกไปแล้วในวันนี้
รายงานจากสหภาพยุโรป (อียู) ก็เพิ่งออกมาช่วยตอกย้ำว่า ขยะพลาสติกเป็นสถานการณ์เร่งด่วนระดับวิกฤต เพราะปัจจุบันทุกประเทศสมาชิกอียูมีส่วนร่วมในการผลิตขยะพลาสติกมากถึงปีละ 25 ล้านตัน แต่มีเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล
ส่วนสยามเมืองทิ้ง (ไม่เลือก) อย่างบ้านเรานั้นไม่ต้องกลัวน้อยหน้าไป เพราะปัจจุบันมีข่าวติดอันดับ 6 ของโลกของประเทศที่ผลิตขยะพลาสติกมากที่สุด
เรื่องนี้กรมควบคุมมลพิษยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าไทยเรามีปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 เฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
หนึ่งมุมคิดสำคัญของการแก้ปัญหาขยะ นั่นคือไม่ใช่ภาระที่ต้องรอให้ใครอื่นมาช่วยแก้ไข เพราะเริ่มได้จากตัวเรา ทุกคนที่มีบทบาทเท่าเทียมกันในการช่วยแก้ปัญหา "ขยะล้นเมือง" แต่ยังมีชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในประเทศไทย ที่สามารถแก้ปัญหาขยะได้ด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกลยุทธ์สำคัญก็คือความร่วมไม้ร่วมมือกันของคนในชุมชนนั่นเอง
"ชุมชนบ้านหม้อ" ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี จะมาเป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนการจัดการขยะโดยคนในพื้นที่บ้านหม้อนั้นถือเป็นอีกชุมชนในเขตเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่รวมกันกว่าหมื่นคน แต่เดิมชาวบ้านหม้อผลิตขยะมากถึงวันละ 10 ตันและมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนประชากรในปี พ.ศ. 2546 จนกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ถูกนำไปหารือเพื่อหาทางจัดการกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเริ่มตั้งแต่ต้นทางและนำเอาผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บ้านเฉยๆเข้ามามีส่วนร่วมกับทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
"เริ่มต้นต้องชี้ให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันว่าต้องร่วมมือกันเพราะทางอบต.ไม่มีที่ทิ้งขยะต้องไปทิ้งที่อื่นทำให้ต้องเสียงบประมาณทั้งค่ารถขยะค่าน้ำมัน" พันโทบุญส่ง สังข์สุข ประธานชมรมผู้สูงอายุ ตำบลบ้านหม้อ หัวเรือสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมดังกล่าวให้เกิดขึ้นบอกเล่า
เมื่อผู้สูงอายุเริ่มแยกขยะที่บ้าน โดยแบ่งเป็น ขยะเปียก ได้แก่เศษอาหารผักผลไม้เอาใส่ถุงพอเต็มแล้วให้นำมาทิ้งไว้หน้าบ้านเพื่อรอรถขยะมาเก็บ ต่อมาคือ ขยะพิษ เช่น แบตเตอรี่ สายไฟ หลอดไฟ ซึ่งขยะพิษนี้ อบต. จะเก็บไปฝังดินส่วน ขยะรีไซเคิล คือขยะขายได้ โดย อบต. แจกถุงดำสำหรับใส่ขวดพลาสติกกระป๋องกระดาษหนังสือพิมพ์เมื่อได้ หลายถุงจึงค่อยนำไปขายให้กับร้านรับซื้อขยะที่มีอยู่ 5 แห่งด้วยกัน
หลังจากเริ่มคัดแยกขยะในปี 2547 ชมรมผู้สูงอายุก็เริ่มต่อยอดด้วยการจัดทอดผ้าป่าขยะ โดยปีหนึ่งจะจัดกิจกรรม 3 ครั้ง คือ วันผู้สูงอายุ วันแม่ และ วันพ่อ โดยจะให้ผู้สูงอายุถือถุงขยะรีไซเคิลคนละ 1 ถุงมาทำบุญวันทำบุญจะมีการตัดกิ่งมะขามเปรี้ยวเอาขวดมาแขวนเอาผ้าอาบน้ำฝนมาคลุมกิ่งไว้และให้คณะ ผู้สูงอายุถวายขยะแด่พระภิกษุสงฆ์ จากนั้นพระสงฆ์ทำพิธีให้ศีลให้พรแล้วคืนขยะให้ชมรมผู้สูงอายุ
"ในวันทำบุญเราจะเชิญร้านขายขยะทั้ง 5 แห่ง มาร่วมประมูลในครั้งแรก เราให้แต่ละเจ้าประเมินด้วยสายตาแต่ภายหลังเพื่อความเป็นธรรมจึงชั่งน้ำหนักขยะก่อนประมูลสบายใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย" พันโทบุญส่ง อธิบาย
จนถึงวันนี้ชาวบ้านหม้อจะโทรศัพท์ไปยัง อบต. เพื่อให้รถไปตามเก็บขยะรีไซเคิลมารวบรวมเอาไว้ที่อบต. และจะโหมประชาสัมพันธ์ในช่วง 1 เดือน ก่อนการทำบุญทุกครั้งเมื่อถึงวันจริง ชาวบ้านแค่ถือถุงน้อยมาพอเป็นพิธี
ตลอดระยะเวลามากกว่าสิบปีของการทอดผ้าป่าพันโทบุญส่งย้อนดูข้อมูลสถิติและแจ้งรายได้ตลอดจนปริมาณขยะในปี 2547 ซึ่งเป็นปีแรกขายขยะได้เงิน 8,500 บาทในปี 2553 ขายได้ 95,000 บาท และในปี 2559 มีผู้ทำบุญขยะทั้งหมด 52,092 กิโลกรัม สร้างรายได้สูงถึง 207,970 บาท เลยทีเดียว รายได้ทั้งหมดนี้ประธานชมรมผู้สูงอายุบอกว่านำไปใช้ในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิทินค่อนข้างตายตัวเช่นการทอดผ้าป่าใน วันที่ 14 เมษายนของแต่ละปีจะนำรายได้ไป ซ่อมแซมห้องน้ำในนามโครงการลื่นล้ม ในห้องน้ำผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส
ส่วนการทอดผ้าป่าในวันที่ 12 สิงหาคมของแต่ละปีจะนำรายได้มอบให้เด็กนักเรียนเรียนดีที่ขาดโอกาสและการทอดผ้าป่าในวันที่ 5 ธันวาคมของแต่ละปีจะนำรายได้ช่วยเหลือผู้สูงอายุโดยแต่ละโครงการก็จะมีบัญชีแยกขาดจากกัน
จากความสำเร็จนี้เองทำให้เกิดการขยายแนวคิดไปยังกลุ่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มแม่บ้านกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านมาร่วมกันคัดแยกขยะเพื่อขยายรัศมีการทำประโยชน์ให้กว้างออกไป
"ตำบลบ้านหม้อมีโรงเรียน 4 แห่งโรงเรียนอนุบาล 3 แห่ง ผมก็เข้าไปสอนวิธีการคัดแยกขยะและพอถึงกิจกรรมทอดผ้าป่าครูจะให้เด็กคัดแยกแล้วเอาขยะมาทำบุญด้วย ตอนหลังเราขยายขอบเขตประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังตำบลใกล้เคียงให้ช่วยกันคัดแยกขยะด้วย" พันโทบุญส่ง เล่า
ปัจจุบันปัญหาขยะในตำบลบ้านหม้อ ลดลงอย่างมากเหลือเพียงวันละ 1 ตันเท่านั้น นี่ถือเป็นดอกผลอีกส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนชุมชนด้วยข้อมูลและกลไกในพื้นที่ อย่างที่ ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้กล่าวถึงหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่น อยู่ที่ประชาชนฐานรากหากประชาชนได้รับการพัฒนาขีดความสามารถได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในการพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 4 เสาหลักที่ประกอบด้วยประชาชน ท้องที่ ท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐในแต่ละพื้นที้ย่อมนำไปสู่ความเข้มแข็งของบ้านเมืองในที่สุด