ทล.หารือเสนอ เลนมอเตอร์ไซค์ ลดอุบัติเหตุ

ที่มา : เดลินิวส์

แฟ้มภาพ

ระดมผู้เชี่ยวชาญทางถนน ถกแนวทางแก้ปัญหาอุบัติเหตุ เสนอสร้างเลนมอเตอร์ไซค์ หลังรณรงค์ไม่ได้ผลตายไม่ลด จี้แก้กม.ควบคุมความเร็ว เขตเมืองต้อง 30 กม.ต่อชม.เท่านั้น

สำนักอำนวยความปลอดภัยกรมทางหลวง (ทล.) จัดเวทีประชุมเชิงปฎิบัติการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางถนน  (Senior Expert Meeting on Road Safety) ครั้งที่ 1 เพื่อแลกเปลี่ยนการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนน โดยมี นายสุจิณ มั่งนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักอำนวยความปลอดภัยทล.เป็นประธาน

นายสุจิณ  เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เริ่มต้นมาจากบริษัท 3M(เอ็ม)  ไทยแลนด์ลิมิเต็ด ในฐานะภาคเอกชนสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทย โดยไปหารือกระทรวงคมนาคมเมื่อ 2 เดือนก่อนขณะที่ภาครัฐต้องการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีจากต่างประเทศในการเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน  กระทรวงฯ จึงมอบหมาย ทล.เป็นแม่งานสรุปแนวทางการทำงานแล้วส่งเรื่องให้กระทรวงฯ พิจารณาจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางถนน 6 ท่านที่ถือเป็นมือหนึ่งมาให้ข้อเสนอแนะภายใต้คำถามเดียวกันคือ แนวทางลดอุบัติเหตุจุดอ่อนจุดแข็งของการทำงาน เพราะที่ผ่านมามีการทำงานด้านอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่องแต่สถิติไม่ลดรวมทั้งหาแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน  

นายสุจิณ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นด้วยที่จะสร้างระบบความปลอดภัยหรือ selfty system เพื่อทำระบบให้ปลอดภัยไม่ให้มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนน  จากที่ผ่านมามองว่าจะแก้ปัญหาอุบัติเหตุต้องไปลดความเร็ว ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถทำได้สำเร็จ  ยกตัวอย่างกรณีขับรถเร็วจะตกถนนต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาป้องกันไม่ให้ตกถนนหรือการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ (จยย.) หรือมอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อคถึง 50 % ที่ประชุมเสนอว่าควรสร้างเลนสำหรับมอเตอร์ไซค์แทนที่จะรณรงค์ใส่หมวกกันน็อคเหมือนที่ทำกัน แม้เคยเสนอให้มีเลนมอเตอร์ไซค์แต่ยังไม่ชัดเจนที่ประชุมวันนี้เริ่มเข้าใจและเห็นภาพชัดขึ้น

นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงแบริเออร์กั้นขอบทางในพื้นที่เสี่ยงลงเขา เช่นที่ดอยรวก จ. ตาก  รถบัสชนแล้วข้ามแบริเออร์ลงไปตกเขา หรือบิ๊กไบท์ตกเขาได้เพราะความสูงแบริเออร์ไม่พอ บางพื้นที่ต้องเปลี่ยนความสูงจาก 83 ซม.อาจเพิ่มเป็น1.50 เมตร  แต่บางจุดต้องคำนึงถึงการขับขี่รถนั่งส่วนบุคคลด้วยเพราะบังวิสัยทัศน์ในการขับขี่เป็นต้น หลังจากนี้จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อสร้างระบบความปลอดภัยแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนให้เป็นรูปธรรม

นายสุจิณ กล่าวอีกว่า กฎหมายกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 90 กม.ต่อชม. มูลนิธิไทยโรดส์เสนอให้เปลี่ยนใหม่กำหนดตามพื้นที่เพราะบางครั้งเขตชุมชนความเร็วกำหนดไว้ที่ 80 กม.ต่อชม.แต่ในความเป็นจริงต้องใช้ความเร็วเพียง 30 กม.ต่อชม. อาจเริ่มต้นเป็นโมเดลนำร่องนำไปปรับใช้ตัวอย่างของ จ.ขอนแก่นได้งบประมาณจากมูลนิธิไทยโรดส์ แก้ปัญหาฝ่าไฟแดงด้วยการติดตั้งกล้องในสี่แยกไฟแดง  เมื่อล้ำเส้นแนวเขตกล้องจะบันทึกภาพรถของผู้กระทำผิดแล้วส่งจดหมายแจ้งมาเสียค่าปรับ  ทำให้ปัญหาการฝ่าไฟแดงลดลง พื้นที่ต่อไปจะทำใน จ.เชียงใหม่และสงขลาด้วย

ด้านนายนิรุตติ คุณวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการรัฐบาลและตลาดบริษัท 3เอ็ม  ประเทศไทย จำกัด  กล่าวว่า สิ่งสำคัญเร่งด่วนคือปัญหาเรื่องความเร็วทั้งขับรถตกถนน หรือปัญหาการชนท้ายที่ผ่านมา สังคมอาจจะคุ้นกับป้ายสะท้อนแสงป้ายกำหนดความเร็วต่างๆ ของบริษัท ต้องกลับมาทบทวนการติดตั้ง อาทิ จุดที่เป็นทางตัดถนนหลักกับถนนรองหรือจุดที่เป็นถนนหลักแล้วขยายไปในชุมชนตรงนี้ต้องถูกลดความเร็วเช่นกันอาจต้องทำป้ายพื้นถนนรวมทั้งกำหนดความเร็วที่ชัดเจนคือ30 กม.ต่อชม.