ทรานส์ฟอร์มเมทีฟ เลิร์นนิง ปฏิรูประบบสุขภาพไทย

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ภาพประกอบจากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี


ทรานส์ฟอร์มเมทีฟ เลิร์นนิง ปฏิรูประบบสุขภาพไทย thaihealth


กลายเป็นประเด็นที่ต้องตระหนักอย่างจริงจัง เมื่อภาพรวมระบบสุขภาพและสาธารณสุขของไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากหลายสาเหตุ


ทั้งการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โรคอุบัติใหม่ หรือแม้แต่ภัยพิบัติ ฯลฯ ปัจจัยดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในแต่ละพื้นที่ การทางานในเรื่องนี้จึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันและสอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งต้องเริ่มจากการปฏิรูปการจัดการศึกษาสาหรับบุคลากรสุขภาพ ที่ถือเป็นฐานรากของการพัฒนาระบบสุขภาพทั้งปวง


งานสัมมนา "การปฏิรูปสถาบันสู่การพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21" ที่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี(ม.อบ.) ร่วมกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพ (ศสช.) จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดย สานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุน จึงกลายเป็นหนึ่งกลไกช่วยขับเคลื่อน ผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนการสอนบุคลากรสุขภาพรูปแบบใหม่ "ทรานส์ฟอร์มเมทีฟ เลิร์นนิง" (TRANSFORMATIVE  LEARNING) แก่เครือข่ายด้านสุขภาพในภูมิภาค


ทรานส์ฟอร์มเมทีฟ เลิร์นนิง ปฏิรูประบบสุขภาพไทย thaihealth


ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า การปฏิรูประบบสุขภาพในประเทศไทยจะเกิดขึ้นได้ ต้องเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รูปแบบ วิธีการ และเนื้อหาสาระของการศึกษา รวมถึงกลไกการประกันคุณภาพการศึกษา ที่สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตและการปฏิบัติงานจริงในระบบสุขภาพ โดยไม่ทำให้ความรู้ด้านเทคนิคและวิชาการบกพร่อง ตลอดจนการจัดการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างบุคลากรสุขภาพในด้านต่างๆ  ให้พร้อมต่อการทำงานเป็นทีมอย่างกลมกลืนและเข้มแข็ง จนเกิดเป็นผลสัมฤทธิ์คือกำลังคนในระบบสุขภาพของไทยเปี่ยมคุณภาพ และมีปริมาณเพียงพอต่อการให้บริการอย่างทั่วถึงแก่ประชาชน


ขณะที่ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ประธาน ศสช. ขยายความให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่า บัณฑิตและบุคลากรที่อยู่ในวิชาชีพสุขภาพที่มีคุณลักษณะแบบทรานส์ฟอร์มเมทีฟจะกลายเป็นตัวเชื่อมสาคัญในการขับเคลื่อน ที่หนุนให้ชาวบ้านหันมาใส่ใจการป้องกันการเกิดโรคและสร้างแผนสุขภาพของตัวเอง ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากกว่า เนื่องจากระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยในปัจจุบันรัฐบาลใช้ภาษีของประชาชนในการดูแล แต่ในอนาคตอาจ บานปลายและไม่ทั่วถึง จึงต้องสร้างบรรยากาศทรานส์ฟอร์มเมทีฟให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่เล็กสุดอย่างชุมชน


ด้าน นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ม.อบ. กล่าวว่า การปฏิรูปในข้างต้นต้องอาศัยระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 4,0/ ปี จึงต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ โดยทางวิทยาลัยฯ มีเป้าหมายเพิ่มจานวนหน่วยกิตและวิชาที่ต้องลงพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ฯลฯ จากเดิมมีอยู่ไม่ถึงร้อยละ 0/ เพื่อให้กลุ่มนักศึกษาได้ฝึกภาคปฏิบัติจากพื้นที่จริงให้มากขึ้น หากทำสำเร็จคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างระดับชาติ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ เช่น การขาดแคลนแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุขในถิ่นทุรกันดาร ความไม่เป็นธรรมของระบบสุขภาพ เป็นต้น


ทั้งนี้ ผลการสัมมนาปฏิรูปการสอนบุคลากรสุขภาพจะถูกขยายไปยังเครือข่ายสุขภาพอำเภอ เขตสุขภาพที่ 0/ ทั้งเขต และทั้ง 01 เขตทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายสร้าง 0 เครือข่ายสุขภาพอำเภอ ต่อ 0 เขตพื้นที่

Shares:
QR Code :
QR Code