ถ้าย้อนเวลากลับไปได้…จะหนีบุหรี่ไปให้ไกลที่สุดของฟ้าเลย
“…ผมรวบรวมกำลังใจต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายในชีวิตก็เพราะภรรยาของผม บอกได้เลยว่าครอบครัวสำคัญที่สุด…”
นายวันชัย บานแย้ม ผู้ไร้กล่องเสียง จังหวัดสมุทรสงครามเล่าประสบการณ์ว่า ผมผ่าตัดกล่องเสียงตั้งแต่อายุ 39 ปี …20 กว่าปีแล้วที่ผ่าตัด เมื่อก่อนสูบบุหรี่ประมาณ 2-3 ซอง ถือว่าเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก สูบบุหรี่เพราะมีความเครียดจากงาน จนกระทั่งรู้ตัวว่า ตัวเองเสียงแหบ…ตอนนั้นอายุประมาณ 38 ปี ผมสูบบุหรี่ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม เริ่มจากสูบไม่มาก และสูบเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งมาอยู่ในแวดวงของการดำเนินธุรกิจ จะมีการสูบเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความเครียดจากการทำงาน พออายุ 38 ปี ไปตรวจเจอพบว่าตัวเองเป็นเนื้องอกที่เส้นเสียง ทีแรกหมอก็บอกว่าเป็นหวัด เส้นเสียงอักเสบ หลังจากนั้น 1 ปี ไปตรวจอีกครั้งกับโรงพยาบาล หู คอ จมูก โดยเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ปรากฏว่าเนื้อร้ายนั้นกลายเป็นมะเร็งกล่องเสียง หมอบอกว่าต้องผ่าตัด ถ้าไม่ผ่าตัดต้องตายสถานเดียว ตอนนั้นคนรอบข้างแนะนำให้กินยาสมุนไพรสารพัดชนิด…ก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายเส้นเสียงแตก เลือดออกจากปากเป็นกระป๋องๆ และตอนนั้นหมอแนะนำให้ผ่ตัดกล่องเสียง รู้จากหมอว่า จะพูดไม่ได้ตลอดชีวิต รู้สึกว่าชีวิตมันจบเลย ธุรกิจก็ยังดำเนินไปด้วยดี และลูกเราก็ยังเล็ก ตอนนั้นเกือบฆ่าตัวตาย ในยุคนั้นเราพูดไม่ได้…ธุรกิจเราจบเลย
จึงได้มาย้อนคิดว่า…เพราะบุหรี่ถึงทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ เราหมดอนาคตและเกือบตาย จำได้แม่นยำ…วันที่ 4 มิถุนายน 2530 ครั้งสุดท้ายหายใจไม่ออก ต้องนำส่งโรงพยาบาล หมอที่ผ่าตัดบอกผมว่า ถ้าผ่าตัดแล้วยังไงก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูฝึกฝนการพูดได้ ผมจึงยอมผ่าตัด โดยมีครอบครัวสนับสนุนและให้กำลังใจ หลังผ่าตัด…ฟื้นขึ้นมา…เราไม่มีเสียงแล้ว น้ำตาไม่รู้ไหลมาจากที่ไหน มีแต่ความรู้สึกสุดแสนทรมาน ผมคิดไปต่างๆ นานา ว่าชีวิตเราจะอยู่อย่างไร ลูกจะอยู่อย่างไร ครอบครัวเราจะอยู่อย่างไร นี่คือพิษของบุหรี่ที่ทำให้เราเกือบหมดอนาคต
หลังจากนั้นมีโอกาสได้มาที่โรงพยาบาลศิริราช และได้รับโอกาสไปฝึกพูดที่ประเทศญี่ปุ่น โดยคุณอดิศัยเป็นหัวหน้าภาควิชาในขณะนั้น ผมเป็นรุ่นน้องของคุณการุณ ตระกูลเผด็จไกร ฝึกอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นกลับมาผมยังคงทำธุรกิจของผมได้จนถึงทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ได้รับตามมาหลังจากเป็นผู้ไร้กล่องเสียง คือ ชีวิตของเราจะไม่ปกติ เวลาอาบน้ำเราจะไอมาก เพราะโดนเจาะคอ ต้องระวังน้ำเข้า เดินทางทางเรือก็ไม่ได้ ถ้าเรือล่มเราจะตายทันที ชีวิตไม่สุขสบายเหมือนคนทั่วไป
ชีวิตของผมเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนรุ่นใหม่ คุณคิดให้ดี…ความสุขจากการสูบบุหรี่มีอยู่ไม่นาน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ็บป่วย ความทรมานมาทันที อยู่กับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น เมื่ออาจารย์ประกิตชวนผมและคุณการุณร่วมงานรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ผมเห็นด้วยเลย เพราะอยากให้ผู้คนได้รู้กันว่าบุหรี่ทำร้ายเรา บุหรี่ไม่มีคุณ มีแต่โทษ ทำลายตัวคนสูบอย่างเดียว ยังจำได้ว่า วันที่ผมฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองไร้กล่องเสียง…ถ้าผมมีปืนผมยิงตัวเองตายไปแล้ว เพราะมันทรมานมาก ไม่อยากอยู่เลย เป็นความรู้สึกอึดอัดแค้นใจที่สุด
สิ่งที่ทำให้เราสามารถต่อสู้กับความคับแค้นใจในครั้งนั้นก็คือครอบครัว ภรรยาของผมเป็นคนที่ประเสริฐที่สุด ให้กำลังใจผมทุกอย่างจำได้ว่าก่อนไปฝึกพูดที่ญี่ปุ่น…ตอนนั้นท้อใจมาก ปีแรกๆ ทรมานใจที่สุดเลย คุณรู้ไหม…ก่อนฝึกพูด เป็นปีที่พูดไม่ได้ ผมโมโหขว้างไวท์บอร์ดทิ้ง ช่วงนั้นภรรยาผมเอาใจทุกอย่าง และไม่อยากให้ผมเก็บตัวอยู่กับบ้าน ตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆ ที่ลูกค้าทำภาษาใบ้ใส่เรา มันเป็นความรู้สึกเคียดแค้น ผมให้ลูกน้องซื้อเบียร์มาเป็นลัง เพื่อกินให้เมา เพื่อกินแล้วจะได้อยากตาย พอภรรยากลับมาเธอก็พูดให้สติ…ตอนนั้นเราหายเมาแล้ว
กว่าจะพูดได้เหมือนทุกวันนี้ ต้องใช้เวลาเป็นปี และยุคสมัยนั้นกว่าจะฝึกพูดได้แต่ละคำต้องใช้ความพยายามและใช้เวลามาก เพราะไม่มีเทคนิคใหม่ๆ เหมือนสมัยนี้ ผมยอมรับเลยว่าถ้าไม่ได้ไปญี่ปุ่น…ผมพูดไม่ได้หรอก ถ้าอยู่ในประเทศไทยไม่มีครู ส่วนใหญ่เป็นครูที่ฝึกเด็กพูดไม่ชัด แต่ไปญี่ปุ่นเป็นการฝึกโดยใช้หลอดอาหาร ตอนนั้นมีคนแนะนำให้ผมใช้เครื่องอิเล็กโทรราลี ผมไม่อยากใช้เพราะเสียงเป็นเหมือนหุ่นยนต์ ถ้าพูดแบบนั้นผมยอมตายดีกว่า เวลาเราไปไหนแล้วพูดคนจะมองเป็นตาเดียว เราทนไม่ไหวกับสายตาสมเพชที่มองเรา
ผมรวบรวมกำลังใจต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายในชีวิตก็เพราะภรรยาของผม บอกได้เลยว่าครอบครัวสำคัญที่สุด บอกได้เลยว่าหลายๆ ครอบครัวพอผ่าตัดกล่องเสียงแล้วต้องเป็นครอบครัวแตกแยก ทุกวันนี้ เป็นครูสอนผู้ไร้กล่องเสียง เพราะหลังจากผมกับคุณการุณกลับจากญี่ปุ่น เราก็มารวมตัวกันตั้งเป็นสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงในประเทศไทย สมัยแรกผมเป็นเหรัญญิก คุณการุณเป็นเลขา เราเปิดสมาคมมาตั้งแต่ พ.ศ.2532 และเราก็ร่วมงานกับคุณหมอประกิตตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่ก่อตั้งสมาคมเลย
ถ้าเปรียบเทียบสมัยที่สูบบุรี่กับปัจจุบันนี้ที่ได้รับบทเรียนจากการสูบบุหรี่ ผมคิดว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้เลย คิดขนาดที่ว่าถ้าเลิกตายแน่ ไม่สูบไม่ได้หรอก ภรรยาขอร้อง ลูกขอร้องก็ไม่เชื่อ เป็นเพราะความคิดของเราที่ว่า…ถ้าเราไม่สูบสมองเราไม่แล่น แล้วในสมัยนั้นไม่มีใครเอามาบอกหรอกเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ผมยังรู้สึกแปลกใจเลยว่า ขนาดสื่อบอกคุณขนาดนี้คุณยังสูบกัน ผมเป็นครูฝึกผู้ไร้กล่องเสียงที่พบเห็นคนมามาก บอกได้ 100% เลยว่าเป็นเพราะบุหรี่ที่ทำให้เราต้องเป็นอย่างนี้ สำหรับบุหรี่ที่ทำกับผม…ถ้าบุหรี่เป็นคนผมฆ่ามันตายไปนานแล้วที่ทำกับผมแบบนี้ อีกส่วนหนึ่งก็คือตัวเราที่ผ่านมาไม่เคยคิดที่จะเลิกสูบบุหรี่…ใครขอร้องก็ไม่ฟัง
เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นบรรณาธิการนิตยสาร ผมเป็นคนบอกให้เขาเลิก เพราะเขาเป็นคนที่สูบจัดพอๆ กับผม เพราะว่าเห็นตัวอย่างจากผม…เขาหักดิบบุหรี่ได้สำเร็จ ตอนนี้เพื่อนผมคนนี้เลิกบุหรี่ได้ก่อนที่เขาจะเป็นอะไร เขาเลิกบุหรี่มาได้เป็น 20 ปีแล้วนะ
ทุกวันนี้…เห็นคนเดินเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงฯ ปีหนึ่งๆ มากกว่า 100 คน…เห็นแล้วสะท้อนใจว่า เราก็รณรงค์กันมากมาย ทำไมยังมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีก ผมสอนผู้ไร้กล่องเสียงจนท้อ และไม่อยากรับสมาชิกใหม่แล้ว จึงอยากให้คนที่ยังไม่สูบบุหรี่อย่าริเริ่มสูบเลย หลีกเลี่ยงบุหรี่ให้ได้ ตัวอย่างที่รู้สึกแย่คือลูกศิษย์เป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในร้านขายของชำ และพ่อเป็นคนสูบแล้วเขาไร้กล่องเสียงเพราะพ่อสูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจขนาดไหนที่เขาไม่ได้ทำแต่ต้องรับกรรม ทุกวันนี้ก็นำเรื่องของเด็กผู้หญิงไปเล่าทุกครั้ง คนไร้กล่องเสียงที่ไม่ได้เป็นผู้สูบบุหรี่โดยตรง แต่เข้ามาในสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงฯ เยอะมากเหมือนกัน ประมาณ 10% ของผู้ที่สูบบุหรี่ เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมก็มีในด้านผลกระทบ สมัยที่ภรรยาผมตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก ลูกสาวของผมเป็นโรคหัวใจ เป็นไปได้ที่มาจากบุหรี่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเราทำให้เราได้คิด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้…จะหนีบุหรี่ไปให้ไกลที่สุดของฟ้าเลย คนสูบบุหรี่ที่ยังไม่เป็นโรคหรือยังไม่ได้รับผลกระทบ ไม่รู้หรอกว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน
สิ่งที่อยากฝากบอกกับคนที่สูบบุหรี่…ถ้าคนที่ติดอยู่อยากให้เลิกเลย ส่วนคนที่ยังไม่สูบก็อย่าไปสูบ อย่าไปแตะมันเลย มันอันตรายทั้งนั้น ผมได้รู้ว่าบุหรี่มีสารพิษตั้ง 4,000 ชนิด เป็นสารก่อมะเร็ง 60 ชนิด ตอนนี้คนที่มีโอกาสยังไม่เป็นอันตรายขอให้อยู่ห่างๆ บุหรี่เถอะ เพราะมันอันตรายจริงๆ ถ้าผมย้อมเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แตะมันเลย เพราะจากสิ่งที่ผมประสบมา…บุหรี่เป็นอันตรายที่สุด สำหรับวัยรุ่น คุณยังมีโอกาสที่จะเป็นอะไรเพราะบุหรี่ รีบเลิกหรืออย่าไปแตะมัน เวลาสูบเป็นความสุขชั่วคราว แต่เวลาที่มีทุกข์ทรมานยาวนานเหมือนผมตอนนี้ 20 ปีแล้ว คิดดู…ถ้าสูญเสียแล้ว…แต่ก่อนเคยว่ายน้ำในสระน้ำได้… ตอนนี้หมดสิทธิ์ทำอะไรหลายอย่าง จะเดินทางทางเรือต้องคิดให้ดี ถ้าเรื่อล่มคุณต้องตาย ผมได้แต่บอกว่า ถ้าคุณไม่เจอไม่รู้หรอกว่าพิษภัยของบุหรี่ร้ายแรงขนาดไหน บุหรี่ตัวนิดเดียว แต่ทำลายชีวิตเราได้ทั้งชีวิต คุณลองคิดเอาเองว่า คุณจะอยู่กับบุหรี่หรือไม่ ถ้าคุณไม่สูบมัน…อันตรายก็ไม่ถึงคุณ แต่ถ้าคุณสูบมันเข้า คุณมีปัญหาแน่ และอยากให้คุณเลิกด้วยวิธีหักดิบ…เลิกเลย ตัวอย่างจากน้องชายผม ทุกคนก็เลิกได้หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ตอนนี้ทุกคนมีความสุขดีครับ
ที่มา : มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่