ถอนยาไซบูทรามีนจากตลาด

เหตุเสี่ยง โรคหัวใจ-หลอดเลือด

 

 ถอนยาไซบูทรามีนจากตลาด

 

          นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่าบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายยาในไทย ได้มีการเรียกคืนยาที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน (sibutramine) หรือชื่อการค้ารีดักทิล (reductil) ออกจากท้องตลาดแล้ว พร้อมทั้งได้ยกเลิกทะเบียนตำรับยาไซบูทรามีนด้วย

 

          หลังมีข้อมูลผลการศึกษาจากทางคณะกรรมการอาหารของยุโรปถึง 6 ปี เพื่อศึกษาความปลอดภัยทางด้านหัวใจและหลอดเลือดพบว่า มีความเสี่ยงสูงขึ้นในผู้ป่วยโรคดังกล่าวที่ไม่ควรได้รับยานี้ ซึ่งตามปกติยานี้ได้มีข้อความคำเตือนห้ามใช้ในผู้ป่วยกลุ่มเหล่านี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ยาไซบูทรามีนได้รับอนุมัติให้มีการจำหน่ายในประเทศไทยสำหรับลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน ที่ไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยอาหารและการออกกำลังกาย ดังนั้น เมื่อมีการยกเลิกทะเบียนตำรับยาแล้วและเพื่อมิให้เกิดความเสี่ยง จึงขอให้แพทย์หรือเภสัชกรหยุดการสั่งจ่ายยาไซบูทรามีนนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในส่วนของผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาไซบูทรามีน ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ถึงทางเลือกอื่นในการลดน้ำหนัก รวมถึงการควบคุมอาหารและออกกำลังกายตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

 

          เลขาธิการฯ อย.กล่าวว่า พบลักลอบใส่ยาไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากการตรวจสอบและการตรวจจับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กาแฟสำเร็จรูป ที่ผิดกฎหมายส่วนใหญ่อ้างลดความอ้วน ซึ่งผลจากการตรวจวิเคราะห์พบว่า มีการใส่ยาไซบูทรามีนเพื่อหวังผลให้ลดความอ้วน และเป็นจุดขายด้วย จึงขอเตือนมายังประชาชนโดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการลดความอ้วน อย่าได้หลงเชื่อเสียเงินเสียทองซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิต ภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยาปลอมที่อาจมีการลักลอบขายทางสื่ออินเตอร์เน็ต เพราะอาจได้รับอันตรายจากสารไซบูทรามีนได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

 

          หากต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักไม่จำเป็นต้องเสี่ยงบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ควรควบคุมการบริโภคอาหารร่วมกับการออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน นอกจากนี้ ควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและป้องกันโรคได้ด้วย

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

update : 22-10-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code