ถอดบทเรียนไฟไหม้โรงงานสารเคมี ก่อวิกฤติสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สสส. – กสม. ผนึก 5 ภาคีเครือข่าย เปิดเวทีถกปัญหามลพิษอุตสาหกรรม กรณีครบรอบ 1 ปี โรงงานหมิงตี้เคมิคอลระเบิด หลังเพลิงสงบ ก่อวิกฤติผลกระทบต่อสุขภาพ เสี่ยงตาย-ป่วย 388 คน หวั่นเหตุซ้ำรอย รุกดัน โรงงานต้องขออนุญาตถูกต้อง อุบัติภัยฉุกเฉินประชาชนต้องได้รับการเยียวยา
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) มูลนิธิบูรณะนิเวศ และสมาคมนักผังเมืองไทย จัดงานเสวนา “ครบรอบ 1 ปี หมิงตี้เคมิคอล : หลังเพลิงสงบ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน” เวทีรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ ประชาสังคม นักวิชาการ เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันมลพิษอุตสาหกรรม ป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่งผลกระทบและความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชนที่อยู่อาศัยในรัศมี 1-9 กิโลเมตร จากกลิ่นเหม็นของสารเคมีและเขม่าควันในช่วงเวลาหลังเกิดเพลิงไหม้ ทำให้มีผู้เข้ารักษาพยาบาล 388 คน ปัจจุบันยังคงมีสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ใต้ซากอาคาร ที่ยังไม่รื้อถอนหรือดำเนินการเคลื่อนย้าย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 จังหวัดสมุทรปราการได้จัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบสารเคมีตกค้างในพื้นที่ เพื่อเร่งติดตามแผนการรื้อถอน และเคลื่อนย้ายสารเคมี ลดการเกิดเหตุสุดวิสัยที่ถือเป็นปัญหามลพิษระดับชาติ
“สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีและสิทธิในสุขภาพ คือสิทธิพื้นฐานของมนุษยชน การจัดเสวนาครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นจากกรณีครบรอบ 1 ปี หมิงตี้ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงมาตรการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 1.สิทธิของประชาชนในกระบวนการอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน/และกระบวนการอื่นที่เกี่ยวข้อง 2.สิทธิของประชาชนในการได้รับความช่วยเหลือและเยียวยาจากสถานการณ์ฉุกเฉินหรืออุบัติภัยร้ายแรง” นางปรีดา กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า มลพิษอุตสาหกรรมจะสะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่อาหารเป็นระยะเวลานาน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ สารเคมีอันตรายที่ปล่อยมาจากโรงงาน อาทิ สารสไตรีนโมโนเมอร์ ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ที่สัมผัสหรือสูดดม ทำให้มีอาการเจ็บป่วย ปวดหัว แสบคอ เวียนหัว แสบจมูก คัดจมูก จนถึงขั้นเสียชีวิต ที่สำคัญเหตุการณ์เพลิงไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด นอกจากจะปล่อยมลพิษทางอากาศ ยังเกิดปัญหามลพิษทางน้ำ กระทบการเกษตร และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน สสส. คำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ จึงมุ่งสนับสนุนพัฒนากลไกทางสังคม ผลักดันให้เกิดสิทธิของชุมชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร (Community Right-to-Know) นำไปสู่กฎหมายควบคุมการปล่อยสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดโอกาสเกิดผู้เสียชีวิตด้วยโรคหรือความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษที่ยั่งยืน