ถนนคนตาย..

ปีใหม่ 51 พิการเป็นพัน บาดเจ็บเป็นหมื่น

 ถนนคนตาย..

ปีใหม่ 2522 ใกล้เข้ามาทุกที เดี๋ยวนี้เราจะมีประเพณีการเตือนให้ระมัดระวังการสูญเสียชีวิต, บาดเจ็บและความพิการจากอุบัติเหตุจราจร หรือที่เรารับทราบกันในรูปแบบของ 7 วันอันตราย ซึ่งเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาก็มีคนไทยต้องเสียชีวิตไป 400 กว่าคน มีผู้บาดเจ็บหลายหมื่นคน และมีผู้พิการอีกหลายพันคนคิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 10,000 ล้านบาท…นี่แค่เพียง 7 วันเท่านั้น

 

เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ประเทศ sweden ด้านความปลอดภัยทางถนนกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งขณะนี้ได้ให้ความสนในใจเรื่องการลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นอย่างมาก ได้ฟังบรรยายสรุปของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางถนนของเขาแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ เขาเล่าให้ฟังว่าทั้งปีมีคนตายเพราะอุบัติเหตุทางถนนใน sweden กว่า 400 คนจากประชากรประมาณ 9 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตรา 5 คนต่อแสนประชากร (ในขณะที่ประเทศไทยเท่ากับ 20 ต่อแสนประชากร)

 

เขาเล่าต่อว่า รัฐบาลของเขาคิดว่า จำนวนขนาดนี้ยังมากเกินไป และได้ให้วิสัยทัศน์ว่าในอนาคต sweden จะต้องไม่มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน หรือที่รู้จักกันในชื่อ vision zero โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2020 คืออีก 12 ปีจากนี้จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลงครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน นั่นก็คือประมาณ 200 กว่าคน และเพื่อสนับสนุนนโยบายเรื่องนี้บริษัท volvo ผู้ผลิตรถรายใหญ่ของ sweden ก็ได้ออกมาประกาศว่าภายในปี 2020 จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในรถ volvo อีกต่อไป

 

เราได้เห็นความเอาจริงในเรื่องนี้ของ sweden แล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยทางถนนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก น่าสนใจไหมครับว่าเขาทำได้อย่างไร แล้วบ้านเราจะมีโอกาสที่จะทำได้อย่างเขาไหม

 

มีความแตกต่างอยู่ 2-3 อย่างระหว่างเรากับเขา ในเรื่องแรก เขาลงทุนสูงมากในเรื่องนี้ ทั้งด้านคน องค์ความรู้ และงบประมาณ ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่ามีประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี ฟังแล้วยิ่งสะท้อนใจ เรื่องที่สองรัฐบาลเขามีแนวความคิดว่าคนเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการใช้รถใช้ถนนได้ จึงถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องจัดให้การเดินทางมีความปลอดภัยสูงสุด ผมจะยกตัวอย่างเรื่องโรค aids ถ้าเราระวังตัวดีพอ โอกาสที่จะติดแทบเป็นไปไม่ได้ ตรงข้ามกับความปลอดภัยทางถนน แม้เราไม่เมา ขับรถไม่เร็ว ง่วงก็ไม่ขับ ขับก็ไม่โทร ก็ไม่ได้เป็นเครื่องป้องกันเราจากอุบัติเหตุทางถนนได้เลย

 

เปรียบให้ฟังอีกประการ คล้ายกับการที่ทุกคนต้องกินอาหาร จึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องทำให้อาหารมีความปลอดภัยสูงสุด ถ้าพบว่าไม่ปลอดภัยก็จะมีระบบการเตือนภัย (อย่างเช่นในกรณีเมลามีน) มีการสุ่มเช็คอย่างสม่ำเสมอ และอาหารทุกชนิดต้องมีตรา อย.กำกับ พูดง่ายๆ ว่าประชาชนต้องได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัยทางถนน (road safety) เหมือนกับได้รับการดูแลในเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร (food safety) ขอให้ได้ครึ่งหนึ่งผมก็คิดว่าไทยเราอาจจะลดคนตายบนท้องถนนลงได้มากกว่านี้แน่นอน

 

ผมอยากจะชวนท่านทั้งหลายมาฝันร่วมกับผมได้ไหมครับว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า จำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนของเราจะลดลงจากประมาณ 12,000 คนเหลือประมาณ 6,000 คน นั่นคือครึ่งหนึ่ง เรามาช่วยกันรักษาชีวิตที่มีค่าของคนไทยอย่าให้ไปตายอย่างอเนจอนาถบนท้องถนนอีกต่อไปเลย อย่าลืมว่าชีวิตที่เราจะช่วยกันรักษาไว้ หนึ่งในนั้นอาจเป็นชีวิตของท่านเองก็ได้ใครจะรู้

 

ถ้าท่านอยากฝันไปกับผมก็ส่งเสียงมาได้ที่มูลนิธิเมาไม่ขับนะครับ ที่อยู่ 28/12 ซอยสุขุมวิท19 เขตวัฒนา กทม. 10110 หรือโทรศัพท์ 02-254-0044, 02-2545959 e-mail [email protected]

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ

หาอ่านได้จาก : จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข เดือนธันวาคม

 

 

update 22-12-51

 

Shares:
QR Code :
QR Code