ต่อยอดนวดแผนไทย เป็น Excellent center
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
เนื่องจากการนวดแผนไทยจัดอยู่ในวัฒนธรรม และยังมีแนวคิด ทฤษฎีที่ชัดเจน การพัฒนาการนวดในทุกระดับ ทั้งเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง นวดเพื่อการพึ่งตนเองในชุมชน นวดเพื่อการรักษา หรือแม้กระทั่งนวดที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่
จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ขององค์การยูเนสโก สมัยที่ 14 ณ กรุงโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย มีมติให้ขึ้นทะเบียน 'นวดไทย (Nuad Thai, Traditional Thai Massage)' ใน 'บัญชีรายชื่อตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมวลมนุษยชาติ" นั้น
ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า อภัยภูเบศรพร้อมต่อยอดด้วยการตั้ง Excellent Center ด้านการแพทย์แผนไทยร่วมกับกรมการแพย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยมีประเด็นการพัฒนาการนวดด้วย เนื่องจากการนวดอยู่ในวัฒนธรรม และยังมีแนวคิด ทฤษฎีที่ชัดเจน โดยจะพัฒนาการนวด ในทุกระดับ ทั้งเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง นวดเพื่อ การพึ่งตนเองในชุมชน นวดเพื่อการรักษา หรือแม้กระทั่งนวดที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ เพื่อพัฒนาเป็นโปรดักส์ แชมเปี้ยน เช่น การนวดนักกีฬา การนวดกระตุ้น พัฒนาการเด็ก
ดร.ผกากรอง กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังหาตัว โปรดักส์ แชมเปี้ยน ซึ่งจะดึงให้นำมีการนำโปรดักส์เกี่ยวกับการนวดเข้าไปอยู่ ในตลาดด้วยเช่น ลูกประคบ น้ำมันนวด นอกจากนี้อยากจะรณรงค์ให้เปลี่ยนการเรียกจาก Thai massage เป็น Nuad Thai หรือ นวดไทยไปเลย เหมือนประเทศจีนที่เรียก ทุยนา เนื่องจากในต่างประเทศก็มีการเปิดสอน Thai massage แต่เจ้าของไม่ใช่คนไทย จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงการนำไปใช้ผิดประเภท จึงควรใช้คำว่านวดไทย ฝรั่งก็จำกันจนติดหูไปเอง
"เราอยากให้นวดไทยยังคงอยู่ จึงจะร่วมกับกรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะพัฒนา Excellent Center เพื่อขับเคลื่อน และรื้อฟื้นองค์ความรู้เรื่องนวดไทย โดยที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับ ผศ.สำลี ใจดี ประธานมูลนิธิสาธารณสุขเพื่อการพัฒนา และครูหมอนวดผู้เชี่ยวชาญ จนสามารถพัฒนาจนได้แบบแผนการนวดเป็นของตัวเอง คือ "นวดไทยอภัยภูเบศร" จนปัจจุบันสามารถและถ่ายทอดไปสู่เอกชนแล้ว วันนี้แม้อาจารย์สำลี จะล่วงลับไปแล้ว แต่พวกเรา ก็จะทำงานเหล่านี้ต่อเพราะเห็นคุณค่า ทั้งทางวัฒนธรรม สุขภาพและเศรษฐกิจ เราได้จัดโครงการ "เด็กกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน" โดยการสนับสนุนของจังหวัดปราจีนบุรี คือให้เด็กมาเรียนรู้การนวด เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลากับครอบครัวให้เยอะขึ้น เพราะนอกจากจะมีความรู้นำกลับไปดูแลพ่อแม่ ปู่ย่าตายายได้แล้ว เด็กบางคนนวดดี ยังสามารถหารายได้พิเศษได้อีกด้วย"ดร.ผกากรอง กล่าว
นอกจากนี้เรายังร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านให้อยู่คู่กับชุมชนต่อไป โดยการรวบรวมองค์ความรู้นวดพื้นบ้านฝึกอบรมคนในชุมชนให้ดูแลสุขภาพกันเองในเบื้องต้น โดยไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล คนนวดก็จะมีรายได้ด้วย ขณะเดียวกัน ก็จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย ซึ่งถือเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย