ตามหาภาคประชาชนใส่ใจปฏิรูปการศึกษา
ทุกอย่างเป็นไปได้ แค่ใส่ใจ-ร่วมมือกัน
ผมยังติดใจอยู่กับการปฏิรูปการศึกษา..เพราะนั่งลงตรงไหนยืนอยู่มุมใดของประเทศไทยในวันนี้! มักจะได้ยินได้ฟังความเห็นความรู้สึกที่สอดคล้องต้องกันว่า ตราบใดที่ระบบการศึกษาไทยยังคงเดินไปในเส้นทางเดิมๆ ปัญหาแบบเดียวกับที่เรากำลังพบกำลังเผชิญอยู่ก็จะหมุนเป็นวงจรอุบาทว์ต่อไปไม่รู้จบ
นึกตงิดในหัวใจอยู่เหมือนกันว่า…กระทรวงศึกษาธิการยุคเรียนฟรี 15 ปี แถมด้วยช่องติวเตอร์ชาแนล ยังไม่พอที่จะเพิ่มน้ำหนักสนองตอบกระบวนการขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้เท่าทันมาตรฐานโลกอีกกระนั้นหรือ?!?
เรียนฟรี 12 ปี แต่ไม่มีคุณภาพ!!!! แล้วจะเหมาโมเมว่ากงล้อระบบการศึกษาเข้าไปสู่เส้นทางปฏิรูปได้อย่างไร
นี่เป็นคำตอบจากนักข่าวสายการศึกษา ที่เฝ้าดูช่องติวเตอร์ชาแนลด้วยความสนใจมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรก “สุดท้ายกลายเป็นว่าโทรทัศน์ช่องพิเศษจากความหวังดีของนายกรัฐมนตรี ตกเป็นเครื่องมือในการหาลูกค้าของบรรดาติวเตอร์เสียนี่ เพราะเด็กๆ ตามเรียนไม่ทันก็ต้องดิ้นรนไปสมัครเรียน ซึ่งจะโทษครูเขาก็คงไม่ได้ เพราะเด็กเรียนกับครูติวเตอร์แล้วรู้เรื่องกว่าในห้องเรียน ก็สนใจอยากจะตามไปให้ถึงตัวจริงเสียงจริง”
นับว่า ข้อสังเกตของผมเกี่ยวกับปัญหาการศึกษา มีข้อมูลมาช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ต้องค้นหาต่อไปว่า
แล้วเมื่อไหร่ล่ะ??? วงล้อปฏิรูปการศึกษาไทยจะเดินหรือขับเคลื่อนไปตามเป้าหมายสักที!
จำได้ว่า กระทรวงศึกษาธิการของเราที่มีหน้าที่วางแผนนโยบาย และกำกับดูแลการศึกษาไทย มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
แต่…น่าเสียดายครับที่เปลี่ยนแปลงมิใช่การปฏิรูปกลับกลายเป็นว่า ที่เปลี่ยนบ่อยจนข้าราชการในกระทรวงอาจจะจำไม่ได้แล้วก็คือ “เจ้ากระทรวง” หรือเก้าอี้รัฐมนตรีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบผลักดันนโยบายการศึกษาต่างหาก
ระยะเวลา 10 ปี ประเทศไทยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 12 คน เหนาะๆ เฉพาะปี 2551 เปลี่ยนเจ้ากระทรวงราวกับเล่นเกมวิ่งผลัด เพราะมีรัฐมนตรีถึง 4 คนเลยทีเดียว
เอ…อย่างนี้ จะยุติธรรมหรือเปล่าหนอ ที่ผมจะถามหาประสิทธิภาพของระบบการศึกษาไทย ในเมื่อประเทศของเรา ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเป็นผู้บริหารการศึกษาที่จะรับผิดชอบทำหน้าที่เป็น “เจ้าภาพ” ขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูปการศึกษาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ถามหาความเป็นธรรมเกี่ยวกับประเด็นนี้..ผมก็เห็นด้วยครับว่า มันก็ออกจะไม่ยุติธรรมเท่าไร ที่เอะอะ..เราก็โยนความผิดไปให้กับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะมันคงเป็นไปได้ยากทีเดียวที่ปัญหาการศึกษา 12 ปี ของเยาวชนไทยทั้งชาติหลายสิบล้านคน เราจะไปยัดเยียดว่า ครูบาอาจารย์เท่านั้นจะต้องรับผิดชอบ
ความร่วมมือของทุกฝ่ายต่างหากเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาให้เป็นจริง
เอาล่ะ! วันนี้ เราลองวางความขัดเคือง ไม่ได้ดังใจเกี่ยวกับการศึกษาของไทยเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน แล้วทบทวน มองมุมกว้างกว่าเดิมว่า
ทศวรรษที่ 2 ของการปฏิรูปการศึกษา เราจะต้องทำได้ และปฏิบัติจริง
ในเมื่อเรามีนโยบาย หรือที่ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงโฟกัสเรื่องของการปฏิรูปการศึกษาที่เรียกกว่า “พิมพ์เขียว” หรือ Blue Print อยู่แล้ว ทำไมเราไม่ใช้พิมพ์เขียวนี้เป็นแผนที่พาเราเดินไปบนเส้นทางของการปฏิรูป โดยไม่ต้องใส่ใจว่า เก้าอี้กระทรวงศึกษาธิการจะมีคนเปลี่ยนหน้ามาจับจองนั่นแท่นกี่คน
มีคนเป็นไปได้หรือเปล่า ที่เราจะกำหนดเป็นกติกา มารยาทหรือมองหาเครื่องมือที่จะมาควบคุม กำกับ ดูแล ให้ใครก็ตามที่เข้ามาเป็นผู้บริหารในกระทรวงศึกษาทุกคน ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องไม่เพิ่มเติมตกแต่งเส้นทางการปฏิรูปใหม่ หรือฉวยโอกาสเปลี่ยนเส้นทางแบบสะเปะสะปะตามกระแสอย่างที่แล้วๆ มา
“เป็นไปได้ครับ” ถ้าภาคประชาชนเข้มแข็ง ร่วมมือทำให้งานนี้เป็นวาระแห่งชาติ
ทำไม???ไม่เป็นภาคราชการล่ะ
1 ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นข้อพิสูจน์แล้วมิใช่หรือว่า ลำพังข้าราชการปฏิรูปการศึกษาไม่สำเร็จ อีกทั้งจะรอนักการเมืองที่ดีแต่หาเสียงก็ไม่มีวันถึงฝันเช่นกัน แม้กระทั่งนักการศึกษาที่อุตส่าห์เสียสละเข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีก็ต้องล่าถอย เพราะทนแรงกดดันเกมการเมืองและอิทธิพลต่างๆ เรื่องแสวงหาผลประโยชน์ไม่ไหว
ช่องทางออกที่มีอยู่คือ ภาคประชาชน จะต้องลุกขึ้นมาแสดงเจตน์จำนงอันแรงกล้าว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำงานปฏิรูปการศึกษาตามบลูพริ้นท์
ภาคประชาชนไม่ใช่นาย ก นาย ข ครูใหญ่ ครูน้อย อบต.หรือ อบจ. ที่ไหน แต่ผมอยากจะถามหา “เอ็นจีโอ” สักคนหรือสักองค์กรที่ใส่ใจเรื่องนี้บ้างนั่นเอง
เอ็นจีโอที่สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสิทธิมนุษยชนปัญหาแรงงาน ปัญหาสิทธิเสรีภาพ ปัญหาการเมือง ปัญหากฎหมายปัญหาพิทักษ์สิทธิเด็ก ในบ้านเรามีมากมายก่ายกอง แย่งกันเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน และดูเหมือนว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว แต่ทำไม..จึงไม่เห็นเอ็นจีโอออกมาประกาศวาระแห่งชาติผลักดันการปฏิรูปการศึกษาบ้าง
วาระแห่งชาติเรื่องการศึกษา หากมีเอ็นจีโอนำหน้าถือพิมพ์เขียวการปฏิรูปที่สำเร็จเสร็จสิ้นเพื่อการขับเคลื่อนในทศวรรษที่ 2 ทำการผลักดันให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หากพบใครหรือหน่วยไหนออกนอกลู่นอกทาง แม้แต่ “อู้งาน” ก็ฟาดไม้เรียวกลางอากาศสักเพียะสองเพียะ ฟ้องร้องป่าวประกาศให้สังคมได้รับรู้ เหมือนที่เตือนภัยโลกร้อน หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ ภายใน 10 ปีจากนี้ไป การปฏิรูปการศึกษาก็จะเข้ารูปเข้ารอย ไม่กระท่อนกระแท่นเหมือนคนฟันหลอหรือฟันผุอย่างแน่นอน
ใครช่วยออกมาอาสาทีได้ไหม รับรองผมจะขอเป็นสมาชิกลำดับต้นๆ หรืออาจารย์หมอประเวศ วะสี จะถือเทียบไปเชิญใครคนนั้นคนดีศรีรัตนโกสินทร์มาสักคน ผมก็จะร่วมด้วยช่วยไปถือพานแห่เป็นผู้ชายแถวหน้าเลยทีเดียวนะขอรับ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update 19-11-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์