ตามติดคอร์สลดพุง

ช่วยส.ส.-ส.ว.ปลอดไขมัน

 

           เข้าสู่ครั้งที่ 2 ของคอร์สลดพุง กับปฏิบัติการ “กินอย่างไรให้หุ่นสวย” โดยโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรนิติบัญญัติ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และเครือข่ายคนไทยไร้พุง ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากส.ส. ส.ว. สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่รัฐสภาเป็นอย่างมาก

 

 

 

           เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เคลื่อนไหวและขยับร่างกาย ภายในงานจึงจัดกิจกรรมให้ความรู้ออกเป็น 3 ฐาน โดยมีนพ.ฆนัท ครุธกูล กรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง พร้อมด้วยนักโภชนากร จากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี คอยให้คำแนะนำ ดังนี้

 

           1. ฐานคาร์โบไฮเดต แนะนำเกี่ยวกับการเลือกกินอาหารในแต่ละมื้อ ให้พอเหมาะกับร่างกายของแต่ละบุคคล เน้นการกินผักใบเขียว ลดเนื้อสัตว์ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล 

 

           2. ฐานโซเดียม หรือเกลือ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาหารแปรรูป เครื่องปรุง และขนมสำเร็จรูป รวมถึงเครื่องดื่มบางชนิดที่มีโซเดียมผสมอยู่ เพราะหากกินในปริมาณที่เกินความต้องการของร่ายกาย เมื่อบริโภคติดต่อกันนานๆ จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มและอ้วนง่าย ซึ่งปกติแล้วร่างกายต้องการโซเดียมประมาณ 6 กรัม หรือ เทียบเท่าน้ำปลา 2 ช้อนชา

 

           3. ฐานไขมันและโปรตีน เน้นการเลือกใช้และกินน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันมะกอก และน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักให้กินอาหารที่มีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ ซึ่งมีอยู่ในเนื้อสัตว์ไร้มัน เต้าหู้ และควรหลีกเลี่ยงการกินเครื่องในสัตว์ทุกชนิด เนื่องจากมีโคเลสเตอรอลสูงเกินความจำเป็น

 

           นพ.ฆนัท กล่าวอีกว่า หากควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง ด้วยการกินอาหารตามสัดส่วน ในแต่ละมื้อให้ลดข้าว แป้งเหลือเพียงครึ่งเดียว จากที่เคยกินผลไม้ให้ทานเพียง 6-8 คำ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน 4-5 ช้อนโต๊ะ งดอาหารเค็มและหวานจัด รวมถึงของทอด แกงกะทิ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และแอลกอฮอล์ หากปฏิบัติอย่างเคร่งครัด น้ำหนักจะลดลงภายใน 1 เดือนอย่างแน่นอน

 

 

 

           ผลจากการติดตามปฏิบัติการลดพุงจากครั้งที่ผ่านมา นางสมฤดี คงเกิด ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำรัฐสภา กล่าวว่า ด้วยหน้าที่การทำงานทำให้ต้องทำข่าวตลอดทั้งวันและแบ่งเวลาส่วนหนึ่งเพื่อดูแลครอบครัว ทำให้ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย แต่หลังจากเข้าอบรมคอร์สลดพุงแล้ว ได้นำคำแนะนำบางอย่างไปปรับใช้ เช่น ในมื้อเช้าลดการกินขนมปังและน้ำผลไม้ แล้วเปลี่ยนมากินผลไม้แทน พร้อมกับพยายามทำงานบ้านเองและเดินให้มากขึ้น ส่งผลทำให้น้ำหนักลดลงประมาณ 1 กิโลกรัม

 

           “คาดหวังว่าหลังจากเข้าคอร์ดลดพุงแล้ว ทั้งน้ำหนักและรอบเอวจะลดลง เพราะการอบรมทำให้ได้รู้ถึงข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการลดน้ำหนักด้วย” ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกล่าว

 

           นายภคิน ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเหตุผลที่เข้าร่วมปฏิบัติการละลายไขมันในครั้งนี้ว่า ก่อนหน้านี้หนักประมาณ 102 กิโลกรัม ทำให้อึดอัด เวลาเดินเหนื่อยง่าย รู้สึกไม่แข็งแรง จึงอยากลดน้ำหนัก เพราะเป็นห่วงสุขภาพ ซึ่งหลังจากเข้าคอร์สลดพุงในครั้งที่ 1 ได้นำคำแนะนำจากแพทย์ไปปรับใช้ ทั้งในเรื่องควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แม้จะไม่ครบทุกข้อ แต่ในขณะนี้น้ำหนักลดลงเหลือ 100 กิโลกรัม ต่อจากนี้จะตั้งใจพยายามปรับเรื่องการกินอาหารให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น

 

            “เพื่อการมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็ต้องออกกำลังกาย นักการเมืองก็เช่นกัน แม้งานจะยุ่งสักเพียงใด แต่ต้องออกกำลังกายบ้าง” นายภคินกล่าว

 

 

 

           เช่นเดียวกับ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า มักปัญหาเรื่องโคเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูง จึงต้องพยายามดูแลร่างกายมากขึ้น และเมื่อได้ฟังข้อมูลจากการอบรมในครั้งนี้ ทำให้ได้รู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก บางเรื่องถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะส่งผลต่อร่างกายและน้ำหนักตัว หลังจากนี้ไปจะพยายามออกกำลังกายและปรับเรื่องการกินอาหาร

 

            “หาเวลาให้ตัวเองออกกำลังกายบ้าง อาจจะไม่ต้องใช้เวลาเยอะ แค่ครึ่งชั่วโมง ก็ช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นได้” นายภราดร กล่าว

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย: สุดารํตน์ ขาเมระนิยะ team content www.thaihealth.or.th

 

 

 

update: 13-11-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย