ตั้ง ‘สามพรานโมเดล อะคาเดมี’ ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ยั่งยืน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ
ตั้ง 'สามพรานโมเดล อะคาเดมี' ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ยั่งยืน
ใช้เวลาบ่มเพาะประสบการณ์การทำงานส่งเสริมเกษตรอินทรีย์มายาวนานถึง 8 ปี บวกกับความรู้การขับเคลื่อน Organic Tourism ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จนก่อเกิดนวัตกรรมและบทพิสูจน์ความสำเร็จในการสร้างระบบอาหารสมดุลอย่างเป็นรูปธรรมครบทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
วันนี้สามพรานโมเดลเติบโตไปอีกก้าว ยกระดับการขับเคลื่อนประกาศจัดตั้ง "สามพรานโมเดล อะคาเดมี" เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดประสบการณ์ แชร์คุณค่าการขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์สู่ชีวิตสมดุล หวังให้กระจายเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ให้เจริญงอกงามครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ประเทศไทย เตรียมคิกออฟในงานสังคมสุขใจครั้งที่ 5 ที่จะกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2561 ณ สวนสามพราน
สำหรับเรื่องดังกล่าวมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยบนเวทีเสวนา หัวข้อ "เปิดเส้นทางขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์สู่ชีวิตที่สมดุล" ภายในงานแถลงข่าวการจัดงานสังคมสุขใจครั้งที่ 5 "เท่นอกกรอบ…ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์สูชีวิตที่สมดุล" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ สวนสามพราน โดยมีที่มีภาคีจากภาคส่วนต่างๆ มาร่วมแชร์ประการณ์ตรงจากการทำงานส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ร่วมกับสามพรานโมเดล
คุณอรุษ นวราช ผู้บริหารสวนสามพรานและริเริ่มสามพรานโมเดล เจ้าของแนวคิดสามพรานโมเดล อะคาเดมี เปิดเผยว่า ในปี 2562 สามพรานโมเดลมีแผนจะขยายงานเผยแพร่ความรู้จากการขับเคลื่อน โดยจะเปิดสามพรานโมเดล อะคาเดมี เป็นศูนย์กลางรวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้สู่สังคม ที่ได้พัฒนาขึ้นระหว่างการขับเคลื่อนระบบอาหารสมดุล ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โดยมีแผนจัดกิจกรรมอบรมเพื่อส่งเสริมความรู้และสร้างประสบการณ์ให้ภาคส่วนต่างๆ ได้เข้าใจคุณค่าห่วงโซ่อาหารอินทรีย์ทั้งระบบ ซึ่งจะจัดทำทั้งหลักสูตรพื้นฐาน เช่น การบริหารจัดการแปลงอินทรีย์ การเชื่อมตลาด เชื่อมผู้บริโภค การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการแปรรูป ระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม PGS และระบบมาตรฐานอินทรีย์สากล รวมถึงการบริการจัดการขยะอาหารในโรงแรม (Food waste) และหลักสูตรเฉพาะตามความสนใจขององค์กรต่างๆ เหล่านี้ เป็นต้น
"ตลอด 8 ปีในการขับเคลื่อน เราเรียนรู้ไม่หยุด ระหว่างทางเจอปัญหามากมาย หลายครั้งที่ผิดพลาด ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะแก้ไข ถ้าเราแก้ปัญหาได้เราก็มีองค์ความรู้ ได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก มันไม่ได้ล้มเหลวทั้งหมด และแน่นอนเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทาง มีเครือข่าย ซึ่งเราทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย โรงเรียน ชุมชน เกษตรกร เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ" คุณอรุษ บอกเล่าถึงการทำงานของสามพรานโมเดล
คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มโรงแรมในเครือสุโกศล ธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม หนึ่งในองค์กรที่ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ กล่าวว่า เราเป็นตัวกลางส่งมอบอาหารดีๆ ให้ผู้บริโภค ที่ผ่านมาโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ ซื้อวัตถุดิบอินทรีย์จากเกษตรกรส่งเข้าห้องอาหารของโรงแรมเพื่อปรุงเมนูออร์แกนิกบริการแก่ลูกค้า เริ่มจากซื้อข้าวอินทรีย์จากกลุ่มข้าวสัจธรรม จ.อำนาจเจริญ เดือนละ 1,200 ตัน ผ่านโครงการ Farm to Functions ขณะนี้ขยับมาซื้อผักผลไม้อีกเดือนละ 1 ตัน จากเครือข่ายของเกษตรกรอินทรีย์ จ.นครปฐม
"โรงแรมใช้ผักผลไม้เยอะมาก เราไม่สามารถทำบุฟเฟต์ ผักผลไม้ให้เป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดได้ เพราะผลผลิตไม่เพียงพอ แต่เราสร้างสรรค์เมนูออร์แกนิกจานพิเศษเฉพาะวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าของออร์แกนิก ที่ไม่เฉพาะดีต่อสุขภาพ แต่ดีต่อห่วงโซ่อาหารทั้งระบบ" คุณมาริสา กล่าว
ด้าน คุณดาราวรรณ ศรีรัตนประภาส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล เล่าว่า มีนโยบายสนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น โดยรับซื้อผลผลิตไปวางจำหน่ายในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีความต้องการพืชผักและผลไม้อินทรีย์เป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกับสามพรานโมเดลมีการทำ MOU รองรับผลผลิต แต่อุปสรรคสำคัญคือ ผลผลิตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะฝรั่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากรสชาติอร่อย มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจและพร้อมที่จะจ่าย
ขณะที่ คุณปัญจพร คู่สามารถ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร และฝ่ายกิจการเพื่อสังคม บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ทำงานร่วมกับสามพรานโมเดล เล่าว่า มิตรผลทำงานประสานกับเกษตรกร 10,000 ครอบครัว ดูแลคน 100,000 คน มีโจทย์ว่าถ้าเกษตรกรปลูกอ้อยอย่างเดียวจะมีรายได้แค่ปีละครั้ง แต่การปลูกพืชผักอินทรีย์จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ทั้งปี และมีอาหารที่ดีต่อสุขภาพบริโภค โดยให้หลักคิดว่า แทนที่จะปลูกอ้อยอย่างเดียว 50 ไร่ แบ่งพื้นที่มา 5 ไร่เพื่อปลูกผักสวนครัวไว้กิน ที่เหลือแบ่งขาย และท้ายที่สุดบริษัทสนับสนุนให้เกิดตลาดนอกชุมชน ผลักดันให้สินค้าเข้าไปขายในห้าง ในจังหวัด ในอำเภอ เป็นต้น ซึ่งมิตรผลยังขาดองค์ความรู้ในเรื่องนี้ จึงต้องมาเรียนรู้และทำงานร่วมกับสามพรานโมเดล เพื่อไปพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรในพื้นที่ให้พึ่งตนเองได้ สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอยู่ได้อย่างยั่งยืนด้าน รศ.ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การบริโภคในปัจจุบันนี้ ว่า มีงานวิจัยพบว่า ผู้บริโภคมีความตื่นตัวมาก ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนซื้อกับคนขาย แต่ผู้บริโภคอยากมามีส่วนร่วม ต้องการรู้ว่าสิ่งที่บริโภคไปผลิตมาจากไหน จะมีส่วนทำให้ชีวิตเกษตรกรดีขึ้นหรือไม่ เป็นกระแสของผู้บริโภคลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม
"การทำเกษตรอินทรีย์คือ การคิดนอกกรอบแบบเดิม เริ่มต้นจากเกษตรกรออกจากกรอบเดิมไม่พึ่งพาสารเคมี ไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง ขณะเดียวผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หันมาเลือกบริโภคออร์แกนิก ส่วนผู้ประกอบการก็ออกนอกกรอบเดิมๆ หันมาทำธุรกิจเกื้อกูลสังคม สนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์ซื้อตรงจากเกษตรกร ไม่เฉพาะสุขภาพดี แต่ยังช่วยเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นด้วย อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกษตรกรก้าวสู่วิถีอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น" คุณอรุษ กล่าวทิ้งท้าย