ตั้งเป้าลดกินเค็มภายใน 10 ปี ลดการป่วย-ตายจากโรคเรื้อรัง
เครือข่ายลดเค็ม ตั้งเป้า 10 ปี ลดการกินเค็ม 30% เชื่อลดเจ็บ ตาย ความดัน หัวใจ ไต เร่งผลักดันฉลากคำเตือน อย.เร่งคุมอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูปเพิ่ม ชี้ เป็นอาหารกลุ่มเสี่ยงโซเดียมเพียบ นักวิจัยพัฒนาสูตรอาหารลดโซเดียม เตรียมเผยแพร่กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารไปขยายต่อ
วันที่ 24 ก.ค. ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ในการแถลงข่าว “ข้อเท็จจริงของผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซเดียมมากและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายผู้ผลิตผู้ประกอบการ” เพื่อการปรับลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร จัดโดย โครงการขับเคลื่อนรณรงค์เพื่อลดการบริโภคเกลือ(โซเดียม) ในประเทศไทย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดย ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้กำหนดให้ภายใน 10 ปี ประเทศสมาชิกต้องลดการบริโภคเกลือลง ร้อยละ 30 ซึ่งผลการศึกษาของฟินแลนด์ และสหรัฐอเมริกา พบว่า หากลดบริโภคเค็มลงจะช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลลงปีละหลายหมื่นล้านบาท และลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ ลง ซึ่งคิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสุขภาพลง
“ปัจจุบันประชาชนออกกำลังกายน้อยลง ทำให้ปริมาณเกลือไม่ถูกขับออกจากร่างกาย ทำให้เกิดการบวมน้ำในหลอดเลือด ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆตามมา โดยการดำเนินการตามเป้าหมาย คือ ลดปริมาณการบริโภคเกลือร้อยละ 30 ตามที่ องค์การอนามัยโลกตั้งเป้าไว้นั้น จำเป็นต้องรณรงค์ให้ความรู้ประชาชน ให้ความรู้กับผู้ประกอบการ ผู้ประกอบอาหาร เพื่อปรับสูตรอาหารให้ลดโซเดียมลง และให้ประชาชนรู้จักเข้าใจเรื่องของฉลากอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดฉลากที่มีสัญลักษณ์คำเตือน และผลักดันให้เกิดตราสัญลักษณ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพ”ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายอารยะ โรจนวณิชชาการ หัวหน้าโครงการรณรงค์ลดการบริโภคโซเดียมผ่านการอ่านฉลาก สำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อย.ได้พัฒนาฉลากโภชนาการ หรือ จีดีเอ โดยบังคับให้แสดงในอาหารขบเคี้ยวไปแล้ว 5 ประเภท และในช่วงปลายปีนี้ จะมีการบังคับเพิ่มเติมในอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป และขนมขบเคี้ยวเพิ่มเติม นอกจากนี้ มีการบังคับใช้กฎหมายกับผลิตภัณฑ์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งนี้ จากการสำรวจการแสดงข้อมูลโภชนาการและปริมาณโซเดียมบนฉลากอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันทีที่จำหน่วยในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ 9 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเดือนพ.ค. 2555 จำนวนทั้งสิ้น 3,281 ผลิตภัณฑ์ พบมีการแสดงฉลากอาหาร 2,250 ผลิตภัณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 68.8 แบ่งเป็น ในจำนวนนี้มีการแสดงข้อความกล่าวอ้างทางโภชนาการ 522 ผลิตภัณฑ์ และแสดงฉลากถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย 416 ผลิตภัณฑ์ โดยส่วนใหญ่เป็นการแสดงควบคู่กับฉลากโภชนาการแบบเต็ม 335 ผลิตภัณฑ์
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการแสดงปริมาณโซเดียมบนฉลากอาหาร พบว่า อาหารกึ่งสำเร็จรูปมีปริมาณโซเดียมมากที่สุด คือ โลโบ ซุปเต้าเจี้ยวแดงกึ่งสำเร็จรูป มีปริมาณโซเดียมมากถึง 7,450 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค รองลงมาคือ มาม่า ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ ปริมาณโซเดียมมากถึง 2,220 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบกล่าวอ้างปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันที แต่พบในผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส จำนวน 15 ชนิด เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว และเกลือบริโภค โดยมีข้อความว่า “ลดโซเดียม 40%” และ “โซเดียมน้อย” สำหรับกลุ่มอาหารที่ต้องระวังโซเดียม เช่น ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่ง ปลาเส้น อาหารสำเร็จรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารประเภทเบเกอรี่ เป็นต้น โดยอาหารกลุ่มนี้มักจะเป็นโซเดียมแฝงทำให้ประชาชนได้รับโซเดียมสูงแบบไม่รู้ตัว
นางเนตรนภิส วัฒนสุชาติ นักวิจัยสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า รายงานการสาธารณสุขไทยปี 2551-2553 พบอุบัติการณ์ของโรคความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น มากกว่าร้อยละ 20 หรือ ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและไตเรื้อรังตามมา โดยขณะนี้ได้มีการพัฒนาและปรับสูตรลดโซเดียมในผลิตภัฯฑ์น้ำปรุงอาหารสำเร็จรูปพร้อมบริโภค 15 รายการ แบ่งเป็น กับข้าว 7 ชนิด เช่น แกงส้ม แกงเลียง ผัดกระเพรา ผัดผัก อาหารจานเดียว 8 ชนิด เช่น ผัดไทย ข้าวผัด ส้มตำ หมูปิ้ง เป็นต้น เพื่อให้ได้ปริมาณโซเดียมเป็นไปตามมาตรฐานสารอาหารและพลังงานที่ควรได้รับตามหลักโภชนาการสากล 1 วัน 2,000 มิลลิกรัม และเฉลี่ยมื้อละ 600 มิลลิกรัม โดยเตรียมนำ 15 สูตรเมนูดังกล่าว เผยแพร่สูตรให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูป ในการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและระดมสมองเพื่อการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์อาหารลดเค็มสำหรับคนไทยมีสุขภาพดี ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ที่ ร.ร.มิราเคิลแกรนด์ ด้วย
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข