ดื่มสุรามากเสี่ยงผิดปกติทางจิต
สธ.เผยคนไทยป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น ผลสำรวจพบปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้สุรามากสุด 9.3 ล้านคน วิตกกังวล 1.6 ล้านคน ขณะที่การเข้าถึงรับการรักษาอยู่ที่ 1.5 ล้านราย บางส่วนยังอาย ไม่กล้าพบจิตแพทย์ เหตุถูกตีตราบ้า เร่งส่งทีมหมอครอบครัวดูแล
ศาสตราจารย์ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการเปิดประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติครั้งที่ 14 และการประชุมวิชาการสุขภาพจิตและจิตเวชเด็กครั้งที่ 12 ประจำปี 2558 ภายใต้แนวคิด “สุขภาพจิตสู่คุณค่าความเป็นมนุษย์” ว่า ปัญหาสุขภาพจิตในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนเจ็บป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น แต่ละปีมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยโรคจิต มีบางส่วนไม่ไปรับบริการ เพราะอายที่ต้องพบจิตแพทย์ อีกทั้งสังคมยังมีอคติต่อผู้มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ขาดความรู้ความเข้าใจว่าสามารถรักษาหายได้ สธ. ตระหนักถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ ได้ผลักดัน พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ เน้นเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม ให้ผู้ป่วยได้รับการรักษา อยู่ร่วมบ้าน ร่วมชุมชน และสังคมได้อย่างปลอดภัย โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โรงพยาบาลเปิดหอผู้ป่วยจิตเวช หรือเตียงฉุกเฉินผู้ป่วยจิตเวช และยาเสพติดเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จากเดิมร้อยละ 58 ผู้ป่วยจิตเวชรับยารักษาต่อเนื่องได้ที่คลินิกจิตเวชในโรงพยาบาลชุมชน ทำให้ผู้ป่วยโรคจิตเภทเข้าถึงบริการรักษาร้อยละ 42 โรคซึมเศร้าร้อยละ 38 และผู้ป่วยติดสารเสพติดที่ได้รับการรักษาและไม่กลับไปติดซ้ำร้อยละ 80
ศาสตราจารย์ นพ.รัชตะ กล่าวว่า จากนโยบายทีมหมอครอบครัว ซึ่งจะเพิ่มเป็น 60,000 ทีม ในปลายปีนี้ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ จะมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพจิตครัวเรือนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เสมือนเป็นเพื่อนสนิท หรือญาติของครอบครัว ที่สำคัญคือ สร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่ามีที่พึ่งยามเจ็บป่วย ซึ่งจะทำงานร่วมกับชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันเยี่ยมให้กำลังใจ รักษาพยาบาลทั้งสุขภาพกายและใจ รวมทั้งจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยสุขภาพจิตและจิตเวชมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีกำลังใจ เห็นคุณค่าในตนเอง และกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณค่า มั่นใจว่า จะทำให้ผู้ป่วยทุกราย ทุกครอบครัว ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง กินยาต่อเนื่อง ผลสำเร็จการรักษาสูงขึ้น ประชาชนทุกคนมั่นใจความปลอดภัย
ด้านพญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมได้สำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตของคนไทยระดับชาติ ปี 2556 โดยสำรวจทุก 5 ปี เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับโรคทางจิตเวช ปัญหาสุขภาพจิต สารเสพติด และการเข้าถึงบริการของคนไทย โดยครั้งนี้สำรวจกลุ่มตัวอย่างประชากรไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนส่วนบุคคลอย่างน้อย 3 เดือน เก็บข้อมูลระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน พ.ศ.2556 จำนวน 4,727 คน ในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และ กทม. โดยใช้เครื่องมือและการดำเนินงานตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก พบว่าโอกาสในการเกิดโรคหรือความชุกของกลุ่มโรคทางอารมณ์ ตลอดช่วงชีวิตของคนไทยเท่ากับร้อยละ 1.9 หรือประมาณ 1 ล้านคน โดยในกลุ่มโรคนี้พบซึมเศร้า ร้อยละ 1.8 หรือประมาณ 9 แสนคน หรืออาจกล่าวได้ว่า ใน 100 คนจะมี 2 คนที่เคยป่วยซึมเศร้าครั้งหนึ่งในชีวิต ขณะที่ความชุกของกลุ่มโรควิตกกังวลพบร้อยละ 3.1 หรือ 1.6 ล้านคน โดยพบภาวะสะเทือนขวัญหลังเผชิญเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) ร้อยละ 0.9 หรือประมาณ 5 แสนคน ส่วนปัญหาจากการใช้สุราและสารเสพติดพบความชุกสูงถึงร้อยละ 19.6 หรือประมาณ 10.1 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยพบปัญหาจากการใช้สุราร้อยละ 18 หรือ 9.3 ล้านคน และพบปัญหาจากการใช้สารเสพติด ร้อยละ 4.1 หรือประมาณ 2.1 ล้านคน
นพ.นพพร ตันติรังสี รพ.จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบความชุกของประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ใช้เครื่องมือมาตรฐานสากลเดียวกัน พบว่าปัญหาจากการใช้สุราและสารเสพติด ประเทศไทยมีความชุกสูงสุด ร้อยละ 19.6 รองลงมา คือ ยูเครน ร้อยละ 15 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 14.6 แอฟริกาใต้ ร้อยละ 13.3 และญี่ปุ่น ร้อยละ 4.8
ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต