ดึง “ร.ร. – อาชีวะ” เอาชนะภัยท้องถนนอย่างยั่งยืน
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
ภาพประกอบจากไทยรัฐออนไลน์
สสส.ขยายผลงานอุบัติเหตุ สร้างความปลอดภัยทางถนนและภาคีเครือข่าย จัดเวทีระดับภาค หนุนเสริมศักยภาพนร.และนศ. เพื่อเอาชนะภัยท้องถนน ดึง 5 ภาคีหลักร่วมเวที
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และนายสัตวแพทย์ปกรณ์ สุวรรณประภา ผู้บุกเบิกการจัดเวทีระดมจิตใจ ประธานมูลนิธิคนเห็นคน จัดเวทีระดับภาคและทำสัญญา โครงการ Thailand Big Move : Road Safety เฟส 2 หนุนเสริมศักยภาพนักเรียนนักศึกษาเพื่อเอาชนะภัยท้องถนน ที่ จ.นครศรีธรรมราช
โดยดึง 5 ภาคีหลัก ได้แก่ ภาคประชาสังคม รัฐ วิชาการ ท้องถิ่น และเอกชน มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หารือแนวทางร่วมสร้างกระบวนการความปลอดภัยทางถนน โดยการขยายผล ดึงผู้บริหารโรงเรียนและสถานศึกษาอาชีวะแต่ละแห่งเข้ามามีส่วนร่วมสร้างความปลอดภัยทางถนน และหนุนเสริมศักยภาพนักเรียนนักศึกษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและเอาชนะภัยท้องถนนอย่างยั่งยืน โดยนำร่องพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้
“ในช่วงแรกของ สสส. เราพยายามที่จะให้หน่วยงานเห็นความสำคัญของเรื่องนี้และลุกขึ้นมาเป็นเจ้าภาพ ลุกขึ้นมาเป็นเจ้าของ และร่วมกันทำงาน ซึ่งหลังการดำเนินงานที่ผ่านมา ตอนนี้ในส่วนกลางเราค่อนข้างที่จะประสบความสำเร็จ หลายหน่วยงานถือว่าเป็นภารกิจหลักไปแล้ว ทีนี้สิ่งสำคัญที่เราต้องทำต่อคือ ทำอย่างไรให้ลงไปในระดับอำเภอและตำบลให้ได้ เป็นความพยายามที่เราจะต้องขยายเครือข่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้ ซึ่งเราจะขยายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยมุ่งมาที่กลุ่มสำคัญ คือ กลุ่มนักเรียนที่โรงเรียนและสถานศึกษาอาชีวะ ซึ่งเราพบว่ามีอัตราการใช้มอเตอร์ไซค์ค่อนข้างสูง และเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด” ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม กล่าว
นายสัตวแพทย์ ปกรณ์ กล่าวว่า กลุ่มสำคัญของอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งส่วนใหญ่คือกลุ่มของวัยรุ่น ดังนั้นการดึงสถาบันการศึกษาให้เข้ามามีส่วนร่วม ดำเนินการขับเคลื่อนงานอุบัติเหตุ จะช่วยขยายผลทำให้การแก้ไขด้านอุบัติเหตุมีประสิทธิภาพ เด็กวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะมีพฤติกรรมวินัยการขับขี่ที่ปลอดภัย ร่วมเฝ้าระวังในการขับขี่ปลอดภัย โดยตั้งเป้าการมีส่วนร่วมของแต่ละจังหวัดไม่ต่ำกว่า 10 สถาบัน
“ในเฟส 2 นี้ เราจะให้ทาง 5 ภาคี เปรียบเป็นเพศชาย แล้วทางโรงเรียนและสถานศึกษาอาชีวะเป็นเพศหญิง ภาคีเครือข่ายและแกนนำขับเคลื่อนงานอุบัติเหตุในพื้นที่จะทำเป็นพ่อสื่อแม่ชัก หมายความว่านอกเหนือจากดึงภาคีต่าง ๆ มาเพิ่มเติมแล้ว ทางแกนนำก็ไปจับไม้จูงมือกับผู้อำนวยการโรงเรียนที่พร้อมที่จะทำงานอุบัติเหตุ โดยเราจะใช้หลักบัว 4 เหล่าในการทำงาน นั่นคือ เอาคนที่พร้อมบัวที่พ้นน้ำมาทำ และเมื่อเราทำให้ศูนย์ถนนที่เป็น 5 ภาคี กับทางโรงเรียนและสถานศึกษาอาชีวะที่เป็นเพศหญิงได้มาเจอกัน ได้มารักกัน แล้วจากนั้นทางโรงเรียนและสถานศึกษาอาชีวะก็จะออกมาร่วมทำกิจกรรมลดอุบัติเหตุ และไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมในการใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้นตามสไตล์ของเขา” ประธานมูลนิธิคนเห็นคน กล่าว
ความปลอดภัยในชีวิตเป็นพื้นฐานสำคัญที่หลายฝ่ายต่างพยายามรณรงค์ ให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจ เพื่อให้ทุกคนเกิดความตระหนักในเรื่องของอุบัติเหตุบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ที่ให้ความสำคัญ พยายามเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ล่าสุด สสส.ได้การขับเคลื่อนงานอุบัติเหตุ ด้วยการดึงโรงเรียนและสถาบันศึกษาอาชีวะที่มีความพร้อม ให้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยขยายผลทำให้การแก้ไขงานด้านอุบัติเหตุมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในปีนี้จะมีโรงเรียนและสถานศึกษาอาชีวะในแต่ละจังหวัดจำนวนมากลุกขึ้นมาแก้ไขจุดเสี่ยง ร่วมสร้างกระบวนการความปลอดภัยเพื่อเอาชนะภัยท้องถนนอย่างยั่งยืน