ดันนโยบายสาธารณะ แก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า เสริมศักยภาพเครือข่าย สร้างสุขภาวะยั่งยืน

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

                   สสส. สานพลัง สช.-มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ผลักดันนโยบายสาธารณะแก้ภัยบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มศักยภาพ กขป. พัฒนาสุขภาพประชาชน ชูบทบาทเครือข่ายสุขภาพ-สร้างการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาสุขภาวะในพื้นที่ ขับเคลื่อนภัยคุกคามสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้า สร้างสุขภาวะอย่างยั่งยืน

                   สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพการจัดทำเอกสารนโยบาย (Policy Brief) การแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านสุขภาพ บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) ในการทำงาน และร่วมหาแนวทางข้อสรุป นำไปกำหนดนโยบายในบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ต่าง ๆ

                   ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขับเคลื่อนนโยบาย “อปท.ปลอดบุหรี่” ตั้งแต่ปี 2560-2567 ซึ่งในปัจจุบันมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมดำเนินการ จำนวน 2,325 แห่ง และเตรียมขยายเครือข่าย อปท.ปลอดบุหรี่ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยดำเนินงาน 5 ด้านสำคัญ 1. สร้างนโยบาย เช่น ประกาศนโยบายคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ 2. สร้างสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ เช่น จัดพื้นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดบุหรี่ งานปลอดบุหรี่ในชุมชน 3. สร้างความเข้มแข็งในชุมชน เช่น ตรวจร้านขายบุหรี่ป้องกันการขายผิดกฎหมาย 4. สร้างทักษะ อบรมให้ความรู้เรื่องพิษภัยบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า 5. สร้างระบบบริการสุขภาพ เช่น ตั้งคลินิกเลิกบุหรี่ในชุมชน เป็นต้น โดยใช้กลไกจากองค์กรภาครัฐ เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น และคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) พร้อมทั้งสนับสนุนการใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชัน TUM เพื่อท้องถิ่นปลอดบุหรี่ ในการวางแผน และติดตามการดำเนินงาน

                   “การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็ก และเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 3.3% ในปี 2558 เพิ่มเป็น 17.6% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า ข้อมูลการศึกษาพบว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีสารเคมีอันตราย ส่งผลกระทบต่อสมองที่กำลังพัฒนา ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสมาธิ การเรียนรู้ และภาวะอารมณ์ นอกจากนี้ยังพบ โรคปอดอักเสบ และมะเร็งปอด จากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานาน บุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้ แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงการเสพติดนิโคติน และสารเสพติดชนิดอื่น อีกทั้งยังเป็นประตูสู่พฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ และใช้ยาเสพติด” ศ.นพ.ประกิต กล่าว

                   นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ดำเนินการพัฒนานโยบายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยเน้นการมีส่วนร่วม และการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เขตสุขภาพเพื่อประชาชนจะทำงานใกล้ชิดกับสมัชชาสุขภาพจังหวัด ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายจากภาคสาธารณสุข การศึกษา สังคม และชุมชน ทำให้สามารถผลักดันให้ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าเป็นวาระสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย สสส. หนุนเสริมการบูรณาการระหว่างภาคีเครือข่ายในประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า กับเครือข่ายหน่วยงานด้านระบบบริการสุขภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาวะในพื้นที่ สนับสนุนการบูรณาการภารกิจ และการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนประเด็นภัยคุกคามสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งใช้ข้อมูลที่มีคุณภาพในการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

                   นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวว่า สช. ได้กำหนดแนวทาง และนโยบายสาธารณะ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม 1. สร้างความตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า บูรณาการความร่วมมือกับ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดสถานศึกษาปลอดบุหรี่ไฟฟ้า 2. เฝ้าระวัง และกำกับดูแลสื่อ ควบคุมการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย นำ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลใช้เฝ้าระวัง และจัดการโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์ 4. สร้างการมีส่วนร่วมในระดับชุมชน ส่งเสริมให้ อปท. เครือข่ายภาคสังคม และเยาวชน ร่วมรณรงค์เฝ้าระวังบุหรี่ไฟฟ้า 5. สนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐ ครู ผู้ปกครอง เป็นผู้นำชุมชนเป็นต้นแบบ 6. คงมาตรการห้ามนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็ก เยาวชน และประชาชนจากภัยคุกคามของบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างมาตรการที่เข้มแข็ง และยั่งยืน

Shares:
QR Code :
QR Code