ดัน`นวดไทย`เป็นมรดกโลก
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ถือเป็นกฎหมายฉบับสำคัญที่จะเอื้อให้มีการนำภูมิปัญญาของประเทศไทยมาใช้อย่างกว้างขวางในการสร้างเศรษฐกิจรายได้เข้าประเทศ ทั้งสมุนไพร ซึ่งไทยเป็นแหล่งสมุนไพรที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และนวดไทย นำมาใช้ในการส่งเสริมดูแลสุขภาพได้อย่างเต็มภาคภูมิ
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรม สนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กล่าวว่า พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ถือเป็นกฎหมายฉบับสำคัญที่จะเอื้อให้มีการนำภูมิปัญญาของประเทศไทยมาใช้อย่างกว้างขวางในการสร้างเศรษฐกิจรายได้เข้าประเทศ ทั้งสมุนไพร ซึ่งไทยเป็นแหล่งสมุนไพรที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และนวดไทย นำมาใช้ในการส่งเสริมดูแลสุขภาพได้อย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งกรมสบส.มีแนวคิดที่จะส่งเสริมเพิ่มมูลค่าการนวดไทยให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทย ต้องสัมผัสจากมือที่เป็นคนไทยเท่านั้น โดยผลักดันให้นวดไทยเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายฝ่าย และศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เห็นชอบในหลักการเรียบร้อยแล้ว กรมสบส.จะเร่งเดินหน้าตามขั้นตอน
ทั้งนี้ การนวดไทยที่จะผลักดันให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ประกอบด้วย 3 ประเภท ได้แก่ นวดแบบราชสำนัก นวดแบบเชลยศักดิ์ และนวดแบบพื้นบ้าน แต่ละภาคมีความแตกต่างกัน แต่ใช้ หลักการเดียวกันคือบีบ นวด กด คลึง คลำ ขยำ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้หารือร่วมกับกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงวัฒนธรรม และสถานประกอบการ เพื่อสุขภาพ ภาคเอกชน ทำการรวบรวมข้อมูล หลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการนวดไทย รวมทั้งข้อมูลการประกอบวิชาชีพนวดไทยที่สร้างรายได้ทั้งในสถานบริการนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยตรง และในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั้งในประเทศ และต่างประเทศซึ่งคาดว่ามีกว่า 20 ประเทศ อาทิ นอร์เวย์, สวีเดน, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เยอรมนี จีน ออสเตรเลีย เป็นต้น เพื่อนำเข้าที่ประชุม คณะกรรมการอำนวยการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งมีรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ประมาณเดือนธันวาคม 2559 จากนั้นจะเสนอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วัฒนธรรม เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของคณะกรรมการมรดกโลก (Bureau of the World Heritage Committee) ซึ่งจะมีการประชุม ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสทุกปี