`ดอนตูม` จัดลอยกระทง ส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น
'ดอนตูม' จัดเทศบาลเมืองตัดสิลาร่วมกับ ททท. – สสส. ขอเชิญร่วมงานคืนสิบสองเพ็ญ เล่นโคมไฟใต้ประทีป ฮักสายน้ำ ฮักประเพณีไทย ฮักสายใยครอบครัวฯ
ประเพณีวันลอยกระทงวันลอยถือว่าเป็นวันสำคัญอีกทางหนึ่งของชาวไทยพุทธ ซึ่งวันลอยกระทง ซึ่งในปีนี้ได้ตรงกับวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 โดยวันลอยกระทงได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อสะเดาะเคราะห์ และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อกันว่า เป็นการบูชารอยพระบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดทุกทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะบริเวณที่ติดกับแม่น้ำลำคลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป โดยเอกลักษณ์แต่ละพื้นที่ที่มีเหมือนคือทำกระทงจากใบตองทำรูปทรงเหมือนดอกบัว และตกแต่งให้สวยงามแล้วปัก ธูปเทียน ตามประเพณีโบราณ ผู้คนก็จะมีการตัดเล็บ ตัดผม และเงินเหรียญ ลงไปในกระทงแล้วค่อยนำกระทงไปลอยลงแม่น้ำ ตามความเชื่อที่ว่า เป็นการลอยสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่า โรคภัยไข้เจ็บ ออกไป หรือสิ่งที่ไม่ดีออกจากร่างกาย และยังมีการเชื่อว่าการลอยกระทงเป็นการบูชาและขอขมาพระแม่คงคา
ซึ่งในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้าในปัจจุบันมีการจัดงานลอยกระทงทุกๆ จังหวัด ซึ่งจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ แต่กิจกรรมที่มีเหมือนๆ กันก็คือ การประดิษฐ์กระทง โดยนำวัสดุต่างๆ ทั้ง ใบตอง หยวกกล้วยกาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว สวยงาม กระทงขนมปัง ซึ่งปัจจุบันได้นำวัสดุต่างมาดัดแปลงเป็นรูปกระทงที่สวยงามเพื่อให้ย่อยสลายได้ง่ายไม่เป็นมลพิษต่อสังคม บางพื้นที่มีการจัดประเพณีลอยกระทงที่สวยงาม การละเล่นต่างๆ ประดับไฟที่สวยงามเพื่อให้ประชาชนได้มาร่วมกันสืบสานประเพณีและตอนกลางคืนจะมีการลอยกระทงให้ไหลไปตามแม่น้ำสายต่างๆ เพื่อแสดงความสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำที่ให้เราได้อาศัยน้ำกิน น้ำใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงไปในน้ำ อันเป็นสาเหตุให้แหล่งน้ำไม่สะอาด เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีต่างๆ ให้ลอยตามแม่น้ำไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอยกระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดความคิดแปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้สืบต่อกันไว้ให้ลูกหลาน
น.พ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม เปิดเผยว่า เนื่องจากวันลอยกระทงได้ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 เป็นประเพณีที่กระทำขึ้นเพื่อเป็นการขอขมาแม่น้ำหรือพระแม่คงคา ซึ่งในปีนี้ได้ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 เทศบาลเมืองได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา ประชาชนทั้ง 30 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม หอการค้า และหน่วยงาน สสส. ได้จัดงานคืนสิบสองเพ็ญ เล่นโคมไฟใต้ประทีป ฮักสายน้ำ ฮักประเพณีไทย ฮักสายใยครอบครัวชุมชนและมหกรรมอาหารท้องถิ่น ตามวิถีพอเพียง ไร้แอลกอฮอล์ งดใช้ภาชนะจากโฟม เพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์ประเพณีให้อนุชนรุ่นหลัง ได้สัมผัสวัฒนธรรมอันดีงามที่กำลังจะสูญหายไป เทศบาลเมืองได้จัดงานประเพณีลอยกระทง คืนสิบสองเพ็ญ เล่นโคมไฟใต้ประทีป และงานมหกรรมอาหารท้องถิ่นในวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2558 ณ บริเวณริมคลองสมถวิล ในกิจกรรมประกอบด้วยขบวนแห่จาก 30 ชุมชน การประกวดกระทงขนาดใหญ่ ประกวดกระทงจิ๋ว ประกวดนางนพมาศ ประกวดส้มตำ ประกวดแดนเซอร์เพลงไทยลูกทุ่งอีสาน และเลือกชิมอาหารท้องถิ่นหลากหลายชนิดทั้ง 4 ภาค สะอาด ที่สำคัญภายในงานปลอดภัยไม่มีแอลกอฮอล์
พ.ต.อ.ประยุทธ์ พิทักษ์เผ่าสกุล รรท.ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม เปิดเผยว่า ตำรวจ ได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ส่งเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทุกจุด ให้ดูแลทั้งในเรื่องของแอลกอฮอล์จะไม่มีการจับแต่จะมีการควบคุม โดยได้เตือนวัยรุ่น และประชาชนที่ชอบเล่นประทัดหรือดอกไม้ไฟ อยากเตือนให้วัยรุ่นให้เล่นประทัด ซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้หรือเล่นดอกไม้ไฟอยู่ในขอบเขต เล่นแล้วอย่าสร้างความรำคาญและความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เพราะหากการเล่นสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ถือว่าเป็นความผิดลหุโทษ มีโทษปรับ 1,000 บาท แต่ถ้าหากใครเล่นประทัดหรือดอกไม้เพลิงโยนใส่คนอื่นได้รับบาดเจ็บ ถือว่ามีความผิดทางอาญาทันที ทางเทศบาลเมืองมหาสารคามจึงขอเตือนและประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนในชุมชน ต่างๆ ทั้ง30 ชุมชนให้ดูแลบุตรหลานในการจุดประทัดและปล่อยโคมไฟ ที่มีลมแรงซึ่งอาจจะตกลงมาใส่หลังคาบ้านเรือนอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้
ที่มา: เว็บไซต์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากเว็บไซต์บ้านเมือง