ชู 10 แนวทางสร้างสุข พัฒนาชีวิตคนวัยทำงาน

ที่มา : ข่าวสด


ภาพประกอบจาก สสส.


ชู 10 แนวทางสร้างสุข พัฒนาชีวิตคนวัยทำงาน thaihealth


ความสำเร็จขององค์กรแห่งความสุข ล้วนเกิดจากการให้ความสำคัญต่อพนักงานและการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ลักษณะสำคัญขององค์กรแห่งความสุข คือการปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลง เป็นองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการอยู่ร่วมกัน และออกแบบการพัฒนาให้เหมาะสมกับองค์กร


เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดงานแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คนวัยทำงานในสถานประกอบการ โดยมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เข้าร่วม มั่นใจนวัตกรรม "10 แนวทางสร้างสุข อายุยืน" สร้างจุดแข็งแรงงานไทยสุขภาพดี


ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. กล่าวว่า กลุ่มวัยทำงานเป็นประชากรกลุ่มหลักที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้บรรลุวิสัยทัศน์ "ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" พัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างผลผลิตให้ประเทศ สามารถแข่งขันในระบบเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันไทยมีประชากรวัยทำงาน อายุ 15-59 ปี ประมาณ 56 ล้านคน หรือ 2 ใน 3 ของประชากรทั่วประเทศ จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มนี้ในทุกๆ ด้าน


ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้คนวัยทำงานได้รับการดูแลที่เหมาะสมทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเตรียมการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คนวัยทำงานในสถานประกอบการ ระหว่างสธ. และอีก 6 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการบูรณาการดำเนินงานด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ให้ประชากรวัยทำงานสุขภาพดี มีความสุข อายุยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และสาธารณสุข


ชู 10 แนวทางสร้างสุข พัฒนาชีวิตคนวัยทำงาน thaihealth

         


พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ร่วมกับ สสส. จัดทำโครงการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงานในสถานประกอบการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมี "10 แนวทางสร้างสุข อายุยืน" เป็นคู่มืออีบุ๊ก ให้คนวัยทำงานในสถานประกอบการใช้เป็นแนวทางในการดูแลตนเอง


ประกอบด้วย ชุดที่ 1 หุ่นดี สุขภาพดี ชุดที่ 2 จิตสดใส ใจเป็นสุข ชุดที่ 3 ครอบครัวสดใส ใส่ใจดูแล ชุดที่ 4 สุดยอดคุณแม่ ชุดที่ 5 เตรียมเกษียณอย่างมีคุณค่า พาชีวายืนยาว ชุดที่ 6 พิชิตออฟฟิศซินโดรม ชุดที่ 7 สถานประกอบการจะก้าวไกล ต้องใส่ใจสุขภาพแรงงานต่างชาติ ชุดที่ 8 สถานประกอบการดี ชีวีสดใสไร้แอลกอฮอล์ บุหรี่ ชุดที่ 9 โรงอาหารปลอดภัยใส่ใจสุขภาพ และชุดที่ 10 สถานประกอบการปลอดภัยสิ่งแวดล้อมดี มีสมดุลชีวิต เพื่อใช้เป็นแนวทางให้หน่วยงาน สถานประกอบการ นำไปใช้ออกแบบกิจกรรม ส่งเสริมสุขภาพให้กลุ่มวัยทำงาน ตามสภาพปัญหาทางสุขภาพในแต่ละมิติและความต้องการ เพื่อให้กลุ่มคนวัยทำงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


ชู 10 แนวทางสร้างสุข พัฒนาชีวิตคนวัยทำงาน thaihealth


นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการ สสส. กล่าวว่า คนทำงานในองค์กร ถือเป็นบุคคลสำคัญและเป็นกำลังหลักของทั้งครอบครัว องค์กร ชุมชน และสังคม หากมีความสุขในการทำงาน ส่งผลให้ความเครียด อุบัติเหตุ และโรคที่เกิดจากการทำงานลดลง สสส.จัดทำโครงการ Happy Workplace ตั้งแต่ปี 2552 โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการพัฒนาองค์กรสู่องค์กรสุขภาวะ พัฒนาบุคลากรให้พร้อมทั้งด้านทักษะชีวิตและคุณภาพชีวิต มีความสุขในการทำงาน ในหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนกว่า 10,000 องค์กร ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นทัพสำคัญในการแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจโลก


ด้าน กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนและบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิวัติในระดับพื้นที่ นายสุธี ทองแย้ม ที่ปรึกษาด้านการปกครอง กล่าวว่า มีกลไกในการดำเนินงานครอบคลุมและเชื่อมโยงทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น ตำบลและหมู่บ้าน ซึ่งเป็นภารกิจของกระทรวงมหาดไทยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องกับการดำเนินงานด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คนวัยทำงานในสถานประกอบการ ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงพร้อมให้การร่วมมือ สนับสนุน และประสานการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและป้องกันโรค คนวัยทำงานในสถานประกอบการ ร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์


นพ.ไพบูลย์ เอกแสงศรี เลขาธิการสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวถึงข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประเทศไทยมีคนวัยแรงงาน อายุ 15-59 ปี มากถึง 67% ของประชากรโดยรวม มีการดูแลสุขภาพที่น้อยและมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำลายสุขภาพ ดูแลโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศกว่า 250 แห่ง และมีบุคลากรวัยทำงานในสถานพยาบาลมากกว่า 2 แสนคน ทั้งก่อน-หลังเจ็บป่วย โดยเข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพคนวัยทำงานในบริษัท องค์กร หรือโรงงาน และหากเจ็บป่วย ก็เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ตามสิทธิประกันสังคม และโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต หรือ UCEP เมื่อคนไทยเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ภายใน 72 ชั่วโมง


สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คนวัยทำงานในสถานประกอบการ จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ที่โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด รัชดา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี

Shares:
QR Code :
QR Code