ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด” นวัตกรรมปกป้องสุขภาพเด็กและเยาวชน
เรื่องโดย: อัจฉริยา คล้ายฉ่ำ
ข้อมูลจาก: งานแถลงข่าวเปิดตัว ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด” เนื่องในวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day)
ภาพโดย: อัจฉริยา คล้ายฉ่ำ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
“บุหรี่ไฟฟ้าไม่ดี มีพิษจากควันบุหรี่ พอดไม่ดี ต้องไม่สูบ ไม่ใช้” ข้อคิดจากนิทานเรื่อง มาร์สแมนกับยายเช้า หนึ่งในชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด”
แน่นอนว่าบุหรี่ไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน พยายามดึงดูดความสนใจจากเด็กและเยาวชน ด้วยรูปลักษณ์ การแต่งกลิ่น จนคล้ายกับของเล่นชนิดหนึ่ง แต่แท้จริงเป็นกับดักลวง แฝงด้วยยาพิษ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อปอด หัวใจ และสมอง ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เพิ่มความเสี่ยงซึมเศร้าและวิตกกังวล มีผลต่อการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรง
เนื่องในวันสุขภาพจิตโลก 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานพลังร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดแถลงข่าวเปิดตัวชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพ ปกป้องเด็กและเยาวชนจากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า
ข้อมูลจาก นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เผยให้เห็นสถานการณ์การสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 10-19 ปี พบว่ากว่า 53% ของเยาวชนที่สูบบุหรี่มีภาวะซึมเศร้า ขณะที่เด็กที่เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้นถึง 2 เท่า
สอดคล้องกับผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทย (Global Youth Tobacco Survey: GYTS ปี 2565) พบว่าอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนอายุ 13-15 ปี เพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 17.6% ในปี 2565 ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากการตลาดของผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการดึงดูดใจเด็กและเยาวชนด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่าย นพ.พงศ์เทพ กล่าว
เช่นเดียวกับ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อเด็กและเยาวชน โดยอ้างอิงสถิติจากองค์การอนามัยโลกที่ระบุว่าทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการเสพบุหรี่ถึง 8 ล้านคนต่อปี และในจำนวนนี้มีเด็กที่เสียชีวิตจากผลกระทบของบุหรี่มือสองและมือสามถึง 65,000 ราย
ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนยังคงเป็นเรื่องน่าห่วง เนื่องจากมีแนวโน้มว่าผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเด็กมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ อีกทั้งการวิจัยที่ติดตามวัยรุ่นที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสองในสหรัฐอเมริกา พบว่ามีผู้ป่วยจำนวน 2,097 คน อายุเฉลี่ย 17 ปี ระหว่างปี 2557 ถึง 2562 ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Thorax ชี้ให้เห็นว่า การได้รับควันบุหรี่ไฟฟ้ามือสองเพิ่มโอกาสในการเกิดหลอดลมอักเสบและอาการหายใจลำบาก ซึ่งในหลายประเทศมีการรณรงค์ถึงอันตรายของไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ปอดอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต และแน่นอนว่าจะได้รับอันตรายรุนแรงกว่าเด็กโตหรือในผู้ใหญ่ ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ด้าน ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ กุมารแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี แชร์มุมมองที่มีต่อเรื่องนี้ในฐานะที่ตนเป็นหมอเด็กว่า การป้องกันการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็ก ควรเริ่มจากการเสริมทักษะความรู้ให้แก่เด็กตามวัย เพื่อป้องกันการเรียนรู้ที่ไม่ถูกต้องจากสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีผู้ปกครองบางคนที่ให้เด็กทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ซึ่งเสี่ยงต่อการเสพติดสารนิโคตินที่เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์สูงสุด
“ดิฉันชื่นชม สสส. ที่พัฒนาชุดสื่อนิทานขึ้นเพื่อเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชน ถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยผู้ปกครองในการสอนลูกได้อย่างเหมาะสม สะดวก และทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน” ศ.พญ.สุวรรณา กล่าว
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานยุทธศาสตร์สร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. อธิบายพลังแห่งหนังสือภาพสำหรับเด็กให้ฟังว่า หนังสือภาพหรือนิทาน ทำหน้าที่สำคัญ คือ ตอบสนองความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของเด็ก ทำให้สนุกสนาน เพลิดเพลิน ผ่อนคลายอารมณ์ บ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม และกระตุ้นการเรียนรู้
“สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของ แบบดูร่า (BANDURA LEARNING THEORY ) ที่เชื่อว่าเด็กเรียนรู้พฤติกรรมจากการใช้ตัวแบบสัญลักษณ์ และทุกสิ่งทุกอย่างในสังคม (LEARNING THROUGH HODELING) จากการรับรู้พฤติกรรม และสามารถแสดงพฤติกรรม หรือการกระทำตามแบบนั้นได้”
“ทั้งนี้ ชุดนิทานเด็กปลอดพอด ได้รับการสนับสนุนจากนักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์หนังสือภาพสำหรับเด็ก โดยมีเนื้อหา 7 เรื่องราวที่เน้นย้ำผลกระทบของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพจิต สมอง และคุณภาพชีวิต การเปิดตัวชุดนิทานนี้ เพื่อกระตุ้นให้สังคมและผู้ปกครองใช้หนังสือเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับเด็กในช่วงปฐมวัยและประถมศึกษา” นางสุดใจกล่าว
ศาสตราจารย์ เกริก ยุ้นพันธ์ นักเขียนนิทานมาร์สแมนกับยายเช้า หนึ่งในชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า เล่าถึงแนวคิดการเขียนนิทานเล่มนี้ให้ฟังว่า “เมื่อเรารู้ถึงพิษภัยที่ร้ายแรงของบุหรี่ไฟฟ้า เราจะต้องสื่อสารให้ตรงและชัดเจน เพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปลองหรือยุ่งเกี่ยว ใช้ตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ที่เด็ก ๆ ชอบมาเป็นตัวละครอย่างมาร์สแมนฮีโร่จากดวงดาว สื่อสารผ่านคีย์เวิร์ด ไม่ดี ไม่สูบ ไม่ใช้ โดยการเล่าถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้า ใช้ภาษาตรง ๆ ยกตัวอย่างให้เด็กเห็นภาพความสกปรก เช่น ตัวเหม็น ฟันดำ ปอดดำปิ๊ดปี๋ ให้เด็กรู้สึกกลัว และไม่กล้าเข้าใกล้บุหรี่ไฟฟ้า”
“หนังสือจะมีค่า เมื่อเด็กรักการอ่าน ชุดหนังสือนิทานเด็กปลอดพอด จะเป็นประโยชน์มากกับทั้งตัวเด็กและผู้ปกครอง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ คิด วิเคราะห์ แยกแยะสิ่งอันตรายออกจากชีวิตได้” ศาสตราจารย์ เกริก กล่าว
สำหรับผู้ใดที่สนใจชุดหนังสือนิทาน สามารถอ่านและดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ www.happyreading.in.th เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้า
สสส. สานพลังภาคีเครือข่ายสนับสนุนทุก ๆ ครอบครัว และทุก ๆ หน่วยงานที่มีภารกิจในการพัฒนาเด็ก ให้ก้าวพ้นวิกฤตบุหรี่ไฟฟ้า เดินหน้าสื่อสารรณรงค์และเผยแพร่พิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสังคมปลอดพอดในอนาคตไปด้วยกัน