ชี้! เตาไมโครเวฟมหาภัยร้ายใกล้ตัว

เผยใช้ผิดวิธีเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง

 ชี้! เตาไมโครเวฟมหาภัยร้ายใกล้ตัว

          ในสภาพเศรษฐกิจที่ต้องรัดเข็มขัดจนตึงเปรี๊ยะ ข้าวก็ต้องเก็บไว้ทานหลายๆ มื้อ การหุงหาอาหารก็ต้องลดการใช้พลังงานเท่าที่จำเป็นเพราะค่าเนื้อสัตว์ ข้าวของต่างๆ ก็แพงเอาๆ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมันพืช ค่าอาหารต่างๆ ก็พุ่งพรวดๆ ทยานขึ้นอย่างไม่เคยหยุดหย่อนให้ได้หายใจหายคอได้คล่องขึ้นสักช่วงหนึ่ง

 

          ทำให้เตาอบไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ปรุงอาหารจำเป็นสำหรับชีวิตในเมืองที่ต้องเร่งรีบ และประหยัดทุกลมหายใจ เพราะไม่ต้องเสียเวลานั่งปรุงอาหารให้ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้แก๊สหุ้งต้มให้เปลือง เพียงเสียบปลั๊ก รอไม่กี่นาทีอาหารก็ได้รับการอุ่นร้อน หอมกรุ่น พร้อมรับประทานได้ทันที แถมยังประหยัดน้ำล้างกระทะ หม้ออะไรให้ไม่เปลืองทรัพยากร

 

          แต่จะรู้กันหรือไม่ว่า การใช้ไมโครเวฟถูกวิธีเป็นอย่างไร แล้วเครื่องไมโครเวฟที่อยู่ใกล้ตัวคุณนั้นมีความปลอดภัยต่อคุณภาพชีวิตของคุณเพียงใด จนถึงขั้นว่าต้องเปลี่ยนใหม่หรือยัง

 

          เตาอบไมโครเวฟมีระยะเวลาต้องเปลี่ยนใหม่ด้วยหรือ???

 

          ล่าสุด กองรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 11 แห่ง จัดทำโครงการตรวจสอบการรั่วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเตาอบไมโครเวฟให้แก่ประชาชน เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้อย่างปลอดภัยที่สุด

 

          โดยการทำงานของเตาอบไมโครเวฟเป็นการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ 2,450 เมกะเฮิรตซ์ ที่ผลิตจากหลอดแมกนีตรอนส่งเข้าสู่ภายในเตาอบ หากผนังหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเตาอบมีรอยรั่วหรือไม่สามารถป้องกันการรั่วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เพียงพอ ผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมการใช้แบบไม่ระมัดระวังตัว ก็อาจได้รับอันตรายจากคลื่นไมโครเวฟ

 

          คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำให้เกิดความร้อนที่ออกมาจากเตาอบไมโครเวฟนั้น เป็นรังสีชนิดอนุภาคที่ไม่แตกตัว ไม่ทำให้โมเลกุลของสารเปลี่ยน และไม่มีผลตกค้าง จึงไม่มีอันตราย อีกทั้งมีโอกาสน้อยมากที่เตาอบไมโครเวฟจะมีคลื่นรั่วออกมาเกินจากระดับที่มาตรฐาน มอก. 1773-2542 ที่สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมกำหนด

 

          ซึ่งพบว่า ในรายที่ใช้เตาอบจนเป็นสนิม ผุ วัสดุเคลือบลอกบานพับประตูชำรุด ประตูปิดไม่สนิท หรือกระจกแตก เก่าทรุดโทรมมากหรือใช้งานมาอย่างน้อยประมาณ 3-5 ปี ก็อาจมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารั่วออกมา หากมีความเข้มข้นพอจะก่อให้เกิดอันตรายได้

 

          อันตรายนั้น ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ผลต่อสุขภาพของผู้ใช้ตู้อบดังกล่าวและบุคคลในครอบครัวทุกคน โดยอาการที่เห็นชัดในระยะแรก คืออาจมีภาวะหน้ามืด วิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ หากรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดการเป็นหมันชั่วคราวสำหรับผู้ชาย เกิดการแท้งบุตร ตาเป็นต้อกระจก หรือกระทั่งมะเร็งผิวหนัง

 

          ขณะเดียวกันเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ขณะที่เครื่องกำลังทำงาน ไม่ควรเข้าใกล้เตาอบไมโครเวฟ ควรอยู่ห่างอย่างน้อย 50-100 เซนติเมตร และไม่ควรจ้องมองช่องประตูในระยะใกล้ เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟไม่สามารถมองเห็นได้และไม่มีกลิ่น ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการตรวจวัด

 

          นอกจากนี้คลื่นไมโครเวฟไม่สามารถที่จะทะลุผ่านโลหะได้ ภาชนะที่เป็นโลหะหรือส่วนประกอบของโลหะ ไม่ควรนำไปใช้กับไมโครเวฟส่วนภาชนะที่สามารถใช้ได้กับเตาไมโครเวฟ คือภาชนะที่เป็นกระเบื้อง ภาชนะแก้วที่ทนความร้อน และภาชนะพลาสติกที่ทำด้วยโพลิโพรพิลีน (Polypropylene)

 

          ทางที่ดีที่สุดก่อนใช้ควรศึกษาวิธีการใช้จากคู่มือ หมั่นดูแลทำความสะอาด และบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรใช้ของแข็งขัดถูภายในตัวเตา กรณีที่เตาอบไมโครมีสภาพเก่าหรือซื้อมานานแล้ว หากไม่มั่นใจในความปลอดภัยในการใช้เตาอบไมโครเวฟของตัวเอง ทางกองรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เข้ารับตรวจสอบประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในการใช้งาน

 

          หรือหากอยู่ในส่วนภูมิภาค สามารถนำไปให้ตรวจสอบที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2951-0000-9 ต่อ 99770, 99956

 

          เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็อย่ามองข้าม เพราะแทนที่จะได้ประหยัดจากการกินอยู่เรียบง่าย มีอะไรก็ใช้กันไป เครื่องเตาอบไมโครเวฟก็ใช้มันจนพัง แทนที่จะเป็นการมัธยัสถ์ แต่อาจส่งผลร้ายกับสุขภาพของผู้ใช้งานเป็นโรคต่างๆ นานา  อย่างไรก็ตามทางสายกลางดูจะเหมาะสมที่สุด

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

 

 

 

 

Update : 29-08-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code