ชีวิตที่เร่งรีบส่งผลคนไทยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

ชี้รักษาหายได้หากตรวจพบในระยะแรก

 ชีวิตที่เร่งรีบส่งผลคนไทยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

          นพ.เรวัต วิศรุตเวช  อธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า  โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย  จากข้อมูลสถิติโรคมะเร็งของประเทศไทยในปี 25412543  ( cancer in thailand vol.iv,19982000 )  พบอัตราการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเพศชายรองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด  โดยมีอุบัติการณ์  8.8  ต่อประชากร 1 แสนคน  และในเพศหญิงพบอัตราการเกิดโรคเป็นอันดับ 5 รองจากมะเร็งปากมดลูก  มะเร็งเต้านม  มะเร็งตับ  และมะเร็งปอด  คิดเป็น 7.6 ต่อประชากร 1 แสนคน  ทั้งนี้อัตราส่วนการเกิดโรคระหว่างเพศชายต่อเพศหญิงคิดเป็น 1.24 ต่อ 1 และ  พบมากในช่วงอายุ 40 ปี  ขึ้นไป  โดยยิ่งอายุมากขึ้นอุบัติการณ์จะมากขึ้นด้วย

 

          ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและเขตเมืองใหญ่  โดยมีวิถีชีวิตที่ เร่งรีบ  และมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารแบบประเทศตะวันตก  ปัจจัยเสี่ยงของโรคดังกล่าว ได้แก่ การรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาก  ไขมันสูง  กากใยน้อย  สูบบุหรี่  ดื่มแอลกอฮอล์  มีอาการถ่ายผิดปกติท้องผูกสลับท้องเสีย  โรคนี้จะไม่ปรากฏอาการในระยะแรกแต่หากพบการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่าย  เช่น  อุจจาระเป็นมูกเลือด  คลำพบก้อนบริเวณท้อง  มักจะเป็นระยะที่ลุกลามแล้ว  นอกจากนี้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป  หรือผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับทวารหนักและลำไส้ใหญ่  แผลอักเสบเรื้อรัง  ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่  รวมทั้งผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่  ควรรับการตรวจประเมินลำไส้ใหญ่โดยละเอียด  ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาโรคดังกล่าว  เช่น  การตรวจอุจจาระซึ่งทำได้สะดวก  รวดเร็ว  และสิ้นเปลืองน้อย  การตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยการสวนแป้งแบเรียมเข้าทางทวารหนักแล้วถ่ายเอกซเรย์  และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เพื่อดูรอยโรคและตัดชิ้นเนื้อไปตรวจวิเคราะห์  สำหรับการรักษา  จะได้ผลดีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับระยะของโรค  จะเห็นได้ว่า  โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักสามารถรักษาให้หายได้หากตรวจพบและได้รับการรักษาตั้งแต่ในระยะแรก ๆ

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

 

 

update : 18-08-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code