ชีน้อยเดินธุดงค์ธรรมยาตรา
บนเส้นทางที่ปูพื้นด้วยก้อนหินบ้าง ดินกรวดบ้าง ซีเมนต์บ้าง ยางมะตอยบ้าง ตลอดเส้นทางรวมทั้งสิ้น กว่า ๑๖ กิโลเมตร จากวัดเชิงผา อ.ทุ่งเสลี่ยม ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม อ.บ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย ลัดเลาะไปตามเชิงเขา ทุ่งนา ป่าอ้อยและสวนผลไม้ โอบข้างด้วยภูเขาลูกย่อมๆเป็นทิวแถวยาวตลอดเส้นทาง
ลวดไฟฟ้า พงหนามไมยราบ คือ เพื่อนตลอดทางที่เห็นได้เสมอๆ บางคนก็เผลอเข้าไปลุยบ้าง เข้าไปแตะบ้าง ก็ได้ประสบการณ์กันไปตามแต่ความเพลินใจในยามเดินอย่างไม่กำหนดรู้
ผู้ใหญ่ใจดี คือ ทิวต้นไม้น้อยใหญ่ตลอดเส้นทางการเดิน ที่ช่วยผ่อนให้ความร้อนได้คลายลงบ้างในยามที่ได้ที่เดินผ่านหรือยืนในเงา ท่ามกลางแสงแดดกล้ายามกลางวัน
ดังที่พระไพศาล วิสาโล กล่าวไว้ในการเดินธรรมยาตราตอนหนึ่งว่า “การเดินและการภาวนา เป็นกิจกรรมที่ท้าทายตัวเองว่า “เดินไปทำไม” การเดินเป็นการปฏิบัติให้เห็น สัมผัสได้ด้วยตนเองทั้งภายนอกและภายใน ถือเป็นหัวใจที่ทำให้รู้ว่า “การเดินได้” กับ “เดินเป็น” มีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งต้องมาเดินด้วยตนเองเท่านั้น จึงจะเข้าถึงความรู้สึกได้แท้จริง
กิจกรรมธุดงค์ธรรมยาตรานี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๗-๑๒ พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ วัดเชิงผา สถานีควบคุมไฟป่าถ้ำเจ้ารามและสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม จ.สุโขทัย เป็นกิจกรรมย่อยในโครงการชีน้อยพบธรรม ครอบครัวพบสุข จัดโดยเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ ภายใต้การหนุนเสริมเสริมของฝ่ายภาคีศาสนา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงภายใน ให้ผู้หญิงได้มีโอกาสเข้าถึงธรรมดั่งเด็กผู้ชายที่บวชสามเณรภาคฤดูร้อน
คณะแม่ชีน้อยและเนกขัมมนารีกว่า ๗๐ คนพร้อมด้วยอุบาสกชายและสามเณรกว่า ๒๐ รูป โดยมีหลวงพี่หมูแห่งวัดเชิงผา และแม่ชีตุ๋มแห่งมูลนิธิธรรมานุรักษ์ เป็นหัวเรือใหญ่นำกระบวนการเรียนรู้ พร้อมกับแม่ชีรุ่นใหม่กับจิตอาสาหัวใจใฝ่บุญกว่า ๑๐ คน ยังคงเดินไปอย่างไม่รีบร้อนนัก แม้ว่าอากาศจะร้อน จนน้ำที่เตรียมมาคนละ ๑ กระปุกถูกเติมเรื่อยๆมากกว่า ๒ ครั้ง
“เราจะทำสิ่งเล็กๆที่จะกลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่และเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาคณาประการในอนาคต” เป็นแนวคิดสำคัญที่เครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์และทีมงานตั้งเป้าให้การเดินธุดงค์ธรรมยาตราครั้งนี้
จากบทสนทนาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ที่ผ่านมาของการจัดกิจกรรมธุดงค์ธรรมยาตราช่วงหนึ่งของการถอดบทเรียนถึงกระบวนการเรียนรู้ตลอดการทำกิจกรรม ทำให้ประจักษ์ชัดว่า กิจกรรมหลักๆเน้นให้แม่ชีน้อยและผู้ร่วมเดินธรรมยาตราได้การเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านกิจกรรมที่ต้องทำโดยตรง เสริมด้วยการภาวนา ความรับผิดชอบ การดูแลคนอื่น การตรงต่อเวลาและความรัก ที่สำคัญคือ เน้นการรู้จักที่จะเลือกอย่างรู้เท่าทัน พร้อมกับเชื่อมโยงเห็นภาพรวมข่ายใยชีวิตตนเองกับผู้อื่นได้อย่างสมดุล
พระศุภชัย สิริปญฺโญ(หลวงพี่หมู) “กิจกรรมนี้เป็นเหมือนห้องเรียนกลางป่า หลังจากคณะได้เดินธุดงค์ หลายๆ คน ตั้งแต่เด็กน้อย หนุ่มสาว ยันคนชราเล่าประสบการณ์ล้ำค่าที่พบเจออุปสรรคกัน ทั้งดงหนามทิ่มแทง ลวดไฟฟ้าเลี้ยงวัวช๊อตเอา บางคนเป็นผู้หญิงสาวปวดท้องอยากถ่ายกลางป่า แต่ไม่มีส้วม บางคนก็แบกน้องๆเป็นกิโลเพราะน้องปวดขา แต่พอสรุปเป็นธรรมะสอนใจได้ว่า …ความลำบากช่วยสร้างคน แต่ความสบายจะฆ่าคน”
ด้านแม่ชีจุติภา ทรรพสุทธิ์ บ้านเรียนมูลนิธิธรรมานุรักษ์ ผู้ดำเนินกิจกรรม กล่าวว่า “ไม่มีบทเรียนใดจะสมบูรณ์ได้ดีที่สุดหากปราศจากการลงมือทำ ในระหว่างที่ทำกิจกรรม ที่เดิน หรือทำอะไรก็ตาม เป็นโอกาสให้เรียนรู้ได้ตลอด ทั้งปัญหา ความสำเร็จ อุปสรรค สิ่งที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ การยอม การเสียสละ เอาใจใส่ ทั้งหมดนี้ เป็นการเรียนรู้ชีวิตจริง ชีวิตที่สัมพันธ์ระหว่างตนเองและผู้อื่น และนี่จะเป็นช่องทางสร้างการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแท้จริง”
“ผมเห็นว่า การเสริมสร้างศาสนทายาทอย่างแท้จริง เพื่อการทำนุบำรุงและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต้องอาศัยความเปลี่ยนแปลงเชิงประจักษ์จากภายในสู่ภายนอก แม่ชีน้อย เนกขัมมนารีและเยาวชนหญิงชายจิตอาสาที่มาร่วมเดินธุดงค์ธรรมยาตราครั้งนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะสานต่องานด้านศาสนาให้สามารถรับใช้สังคมอย่างทันท่วงที โอกาสในการเข้าถึงจึงสำคัญ และสำหรับโอกาสที่เราได้มอบให้ครั้งนี้ ผมเชื่อว่า จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านศาสนทายาทได้อย่างแน่นอน” นายประญัติ เกรัมย์ ผู้ประสานงานภาคีศาสนา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและที่ปรึกษาเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ กล่าวเสริม
ก้าวย่างครั้งนี้ แม้ดูเหมือนจะเป็นก้าวย่างเล็กๆ แต่จะเป็นก้าวย่างสำคัญ ที่จะเป็นภาพต่อสานให้งานด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพุทธบริษัททั้งหญิงชาย ได้มีโอกาสเท่าเทียมกันในการเป็นพุทธบริษัทที่ดีและการเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการทำนุบำรุงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างร่วมสมัยและตอบโจทย์สังคมในอนาคตได้อย่างทันท่วงที
ที่มา: นายประญัติ เกรัมย์ ประสานงานภาคีศาสนา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า