ชีน้อยพบธรรม ครอบครัวพบสุข ปี 3
โครงการบวชแม่ชีน้อยและเนกขัมมนารี ภายใต้แนวคิด “ชีน้อยพบธรรม ครอบครัวพบสุข” ปี 3
น้ำตาแห่งความปีติไม่ว่าจะมาจากผู้ปกครองหรือลูกหลานที่จะบวช ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนกลั่นมาจากหัวใจทั้งสิ้น แต่จะมีสักกี่แห่งที่เด็กและเยาวชนผู้หญิงจะได้โอกาสแบบนี้ ร่วมสร้างโอกาสและเปิดพื้นที่เพื่อความงอกงามของจิตวิญญาณผู้หญิงกับการบวชแม่ชีน้อย
โครงการฯ ก้าวสู่ปีที่ 3 ยังคงเน้นป้องกันเด็กเยาวชนหญิงเข้าสู่วงจรอบายมุขและสร้างศาสนทายาทนักบวชสตรี ที่น่าสนใจคือ ทดลองดำเนินการกันเอง ไม่ขอรับงบประมาณใดๆ โดยมีคณะทำงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะจากสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าทำหน้าที่พี่เลี้ยงเป็นหลัก
โดยเมื่อวันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา ณ สำนักแม่ชีรัตนไพบูลย์ ซ.รามอินทรา 14 แยก 6 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ร่วมกับคณะกรรมการสถาบันแม่ชีไทยใน 8 สำนัก 8 จังหวัดได้แก่ ระยอง ชลบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี บุรีรัมย์ สกลนคร ฉะเชิงเทราและกรุงเทพมหานคร ได้จัดบวชแม่ชีน้อยและเนกขัมมนารีขึ้น โดยได้รับเมตตาจากพระเทพปริยัติวิมล ผช.เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ คณะแม่ชีทั้งหมดล้วนเป็นหัวหน้าสำนักแม่ชีและผู้บริหารโครงการภายในสำนักที่เป็นสมาชิกเครือข่ายอยู่ทั้งหมด 19 ท่าน ซึ่งทุกที่มีความสนใจเรื่องการบวชแม่ชีน้อย และทำมาอย่างต่อเนื่องโดยสิ่งที่ได้จากผู้ใหญ่ในการบวชแม่ชีน้อยเมื่อปีที่แล้ว คือ การทำปวารณาให้พ่อแม่งดเหล้าบุหรี่ตลอดลูกบวช(สัญญากับลูก) ครั้งที่ผ่านมา ได้ผลเชิงประจักษ์มา 1 คนจาก 20 คน แม้ดูเหมือนว่าจะน้อย แต่คือการเปลี่ยนแผลงที่สัมผัสได้จริง
ในวันดังกล่าว มีเยาวชนหญิงในวัยเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากภาคกลาง ตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 20 คน และมีเยาวชนที่เคยบวชแล้วมาบวชเพิ่มอีก 3 คน และยังมีกลุ่มอาสาของนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น มาออกค่ายอาสาช่วยกิจกรรมงานบวชแม่ชีน้อยด้วย พวกเธอบอกว่าแปลกดี เพิ่งเคยเห็นงานบวชแม่ชีแบบจัดเต็มเหมือนบวชสามเณรแบบนี้
แม่ชีชูใจ ปทุมนันท์ ประธานเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ กล่าวว่า “บทบาทของแม่ชีได้เปลี่ยนไปมาก เพราะเรียนรู้จากบทบาทพระสงฆ์ที่ทำงานเพื่อสังคมและกลุ่มภิกษุณีที่กำลังเติบโตในภาคใต้ แม้โดยสถานะ บางแง่มุมแม่ชีจะเหมือนฆราวาสทั่วไป แต่ก็มีวิถีปฏิบัติที่คล้ายคลึงนักบวชเป็นหลัก และที่สำคัญเป็นกลุ่มผู้หญิงที่ได้รับการสนับสนุนจากพระสงฆ์ด้วยดี ส่วนใหญ่จะมีแม่ชีที่อยู่ในวัยกลางคนและสูงอายุ เรื่องด่วนที่ต้องทำคือการสร้างศาสนทายาทและจิตอาสามาร่วมทำงานกับกลุ่มแม่ชี และทำให้เด็กผู้หญิงเหล่านั้นห่างไกลจากอบายมุขการล่อลวงจากสื่อต่างๆ งานบวชชีน้อยจึงเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี และที่ต่างจากงานบวชสามเณรคือ การทำกิจกรรมให้พ่อแม่ผู้ปกครองร่วมปฏิญาณตนทำดีตลอดเวลาที่ลูกบวชอีกด้วย”
จากบทสรุปผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาได้ค้นพบปัญหาจากการทำงานในหลายแง่ที่เป็นปัญหาทั้งในเชิงโครงสร้างบทบาทหญิงชาย หรือแม้แต่ค่านิยมในการการปรับเปลี่ยนสถานะเพื่อเข้าถึงพระพุทธศาสนา รวมถึงค่านิยมด้านลบต่อการบวชของผู้หญิง พอสรุปได้ว่าชอบอยู่บ้านเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้ลูกผู้หญิงมาบวช เด็กหญิงที่โตหน่อยจะอายไม่มีผมโดนแซว กลัวไม่ได้แต่งตัวสวย สุดท้ายคือระบบการศึกษาที่ทำให้เด็กต้องต้องแข่งขัน ต้องไปเรียนพิเศษ
ก่อนเริ่มโครงการฯ คณะทีมงานเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ แบ่งสายลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับ ครู เด็กในโรงเรียนและชุมชน แนะนำทางเลือกสำหรับผู้ประสงค์จะบวชว่า จะปลงผม หรือไม่ก็ไม่ก็ได้ แต่มีกระบวนการที่แตกต่างกัน เช่น ชีน้อยปลงผมจะได้รับบาตร/ผ้าสไบครอง ต่อจากนั้นจะเชิญคนที่ประสงค์จะบวช ครูและผู้ปกครองร่วมพิธีกรรม ที่มีรูปแบบการทำให้พิธีกรรมมีความศักดิ์สิทธิ์ มีผลต่อการเสริมสร้างความมั่นใจและศรัทธาในการบวชพร้อมสร้างความรู้สึกดีต่อผู้เข้าร่วม โดยกำหนดระยะเวลาในการบวช 10-30 วัน
สำหรับอะไรบ้างที่เมื่อบวชแม่ชีน้อยแล้วจะพึ่งได้บ้าง คณะแม่ชีได้วางหลักสูตรที่แม่ชีน้อยจะพึงได้รับจากการบวชครั้งนี้ ประกอบด้วย
-
จริยวัตรประจำวันพื้นฐาน เช่น การกราบ การนั่ง สวดมนต์
-
ให้ความรู้ในเรื่องพุทธประวัติ ศาสนพิธี เบญจศีล (เนื้อหาเชิงวิชาการขึ้นอยู่กับอายุของกลุ่มเป้าหมาย)
-
ฝึกศิลปะ, งานฝีมือ, งานอาชีพ
-
ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม, จิตอาสาลงพื้นที่ชุมชน
-
ชวนพ่อแม่ผู้ปกครองสมาทานศีล 5 ตลอดเวลาที่ลูกบวช
-
ทำความเข้าใจและสื่อสารวิธีการเลี้ยงลูกอย่างมีระเบียบวินัย
-
แจกเกียรติบัตรสำหรับเด็กและครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการฯ
ด้านนายประญัติ เกรัมย์ ผู้ประสานงานภาคีศาสนา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและที่ปรึกษาเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “ผมเห็นว่า การเสริมสร้างศาสนทายาทอย่างแท้จริง เพื่อการทำนุบำรุงและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต้องอาศัยความเปลี่ยนแปลงเชิงประจักษ์จากภายในสู่ภายนอก แม่ชีน้อย เนกขัมมนารีและเยาวชนหญิงชายจิตอาสาที่มาร่วมเดินธุดงค์ธรรมยาตราครั้งนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะสานต่องานด้านศาสนาให้สามารถรับใช้สังคมอย่างทันท่วงที โอกาสในการเข้าถึงจึงสำคัญ และสำหรับโอกาสที่เราได้มอบให้ครั้งนี้ ผมเชื่อว่า จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านศาสนทายาทได้อย่างแน่นอน”
ก้าวย่างครั้งนี้ แม้ดูเหมือนจะเป็นก้าวย่างเล็กๆ แต่จะเป็นก้าวย่างสำคัญ ที่จะเป็นภาพต่อสานให้งานด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพุทธบริษัททั้งหญิงชาย พร้อมกับสร้างศาสนทายาทตัวน้อย ได้มีโอกาสเท่าเทียมกันในการเป็นพุทธบริษัทที่ดีและการเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการทำนุบำรุงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างร่วมสมัยและตอบโจทย์สังคมในอนาคตได้อย่างทันท่วงที
ที่มา: คณะทำงานเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์และกลุ่มงานภาคีศาสนา