ชิลไปกับ 5 โครงการหลวงน่าเที่ยว
"การท่องเที่ยว ไปที่ใหม่ๆ ช่วยให้เราลืมเรื่องเครียดไปได้ชั่วคราว หากใจสงบลงก็อาจฉุกคิดและมองเห็นคำตอบ หรือทำใจยอมรับปัญหาที่ทำให้เครียดได้ดีขึ้น แต่บางกรณีอาจเป็นเพียงการหลบ ออกจากปัญหาไปชั่วคราว เมื่อกลับจากท่องเที่ยวแล้วก็ยังคงจะต้องพบกับปัญหาเดิมๆ การพบปะผู้คนใหม่ๆ อาจช่วยให้ตัวเองมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวในมุมที่กว้างออกไป ช่วยให้คิดแก้ปัญหา หรือทำใจยอมรับได้ดีขึ้น"
"หากจะตอบว่า การเดินทางท่องเที่ยวดีไหม จึงขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ตามมา อย่างน้อยก็ดีกว่าการหันไปพึ่งแอลกอฮอล์ บุหรี่ หรือสารเสพติด หรือพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ แทน" นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุติกรมสุขภาพจิต และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต สสส.
นพ.ประเวช บอกอีกว่า สถานที่ท่องเที่ยว และผู้ที่เราไปเที่ยวด้วยกันก็มีความสำคัญ หากไปท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็จะได้ประโยชน์ เพราะธรรมชาติช่วยนำความสงบกลับมาสู่จิตใจของเรา แต่หากเป็นการท่องเที่ยวที่อึกทึก มีกิจกรรมกระตุ้นให้เร้าใจ ก็อาจทำให้ร่างกายและจิตใจเครียดมากขึ้นได้ ที่สำคัญคือ ถ้าคนที่เที่ยวด้วยกัน เข้าใจและรับฟัง ก็จะช่วยให้เรามีเวลาทบทวนปัญหา และเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้
อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวแนวใหม่ที่อยากแนะนำอย่าง 'โครงการหลวง' ก็นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง และยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ยิ่งปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ นับว่าเป็นช่วงที่ธรรมชาติกำลังสวยงาม ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนและไอหมอกเหมาะกับการไปพักผ่อนหย่อนใจ คลายความเครียดจากการทำงานได้เป็นอย่างดี
มาทำความรู้จัก 5 โครงการหลวง กันดีกว่า
การท่องเที่ยวโครงการหลวงถือว่า เป็นการเรียนรู้นอกตำรา เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งโครงการหลวง ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันมีทั้งหมด 38 แห่ง แต่ 5 โครงการหลวงที่เราจะทำความรู้จักกันมีดังนี้
1.ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์ฯ แห่งนี้มีแปลงสมุนไพรขนาดใหญ่ เช่น เลมอนทายม์ มิ้นต์ คาโมมายล์ โรสแมรี่ หญ้าหวาน ฯลฯ แปลงงานวิจัยผักเมืองหนาว แปลงผักไฮโดรโพนิกส์ เช่น โอ๊คลีฟแดง และผักตระกูลสลัด และยังมีแปลงผักอินทรีย์ แปลงผักขั้นบันไดของชาวบ้านเผ่าม้ง อย่างเช่น ผักกาดขาวปลี แครอท ปวยเหล็ง ฯลฯ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีทั้งจุดชมวิวดอยม่อนล่อง จุดชมวิวที่สูงที่สุดของอำเภอแม่ริม และเที่ยวดอยม่อนแจ่ม เป็นจุดชมวิวและลานกางเต็นท์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว
2. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย
ภายในศูนย์ฯ เราสามารถเที่ยวแปลงส่งเสริมการเกษตรที่มีทั้ง หอมญี่ปุ่น แรดิชชิโอ บล็อคโคลี่ ซาโยเต้ ถั่วลันเตา ฯลฯ และยังมีแปลงไม้ผล ทั้งอะโวกาโด พลับ องุ่นไร้เมล็ด และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เราจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวเขาเผ่าม้ง หากมาตรงกับช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ก็จะได้ร่วมประเพณีปีใหม่ม้งและตรุษจีน ที่นี่ยังมีจุดชมวิวบนดอยสูง เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของอำเภอเวียงแก่น และแม่น้ำโขงอีกด้วย
3.ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เราจะได้ชมความสวยงามของนาข้าวแบบขั้นบันได ตลอดสองข้างทางก่อนถึงศูนย์ฯ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้การทอผ้าขนแกะของกลุ่มแม่บ้านห้วยห้อม ที่ดัดแปลงจากภูมิปัญญาของชาวเขาเผ่าปกาเกอญอ มีทั้งผ้าทอขนแกะล้วน และผ้าทอขนแกะผสมฝ้ายที่ย้อมสีจากธรรมชาติ ใกล้บริเวณศูนย์ฯ ก็มีน้ำตกทีราชันย์ น้ำตกในเขตบ้านดงใหม่ และน้ำตกทีลอเล ให้เราสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและความสดชื่นของสายน้ำอีกด้วย
4.ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ สัมผัสความงดงามของป่าสนอายุกว่าร้อยปี ที่เป็นป่าสนเขาธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทั้งสนสองใบและสนสามใบ ซึ่งมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง คือ 1. เส้นทางเดินชมป่าสนสองใบ เป็นป่าสนธรรมชาติ มีกล้วยไม้ป่าและนกประจำถิ่นหลายชนิด และ 2. เป็นเส้นทางชมป่าสนสามใบ มีพรรณไม้ป่าและนกหายากหลายชนิด อีกทั้งไปเรียนรู้วิถีชีวิตคนกับป่าของชาวเขาเผ่าปกาเกอญอ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์เรย์แบน ในเขตวันจันทร์ ที่ดูแล้วรับรองว่าแตกต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน
5. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า อำเภอปง จังหวัดพะเยา ศูนย์พัฒนาฯ แห่งนี้มีแปลงส่งเสริมการเกษตรที่มีผลผลิตอย่าง ฟักทองยักษ์ ฟักทองสีขาว ฯลฯ แปลงไม้ดอกไม้ประดับที่มีทั้ง แว็กซ์ฟลาวเวอร์ มะเขือการ์ตูน เป็นต้น และแปลงไม้ผลอย่าง อะโวกาโด มะม่วง ส้มโนรีตะ ส้มคัมควอท ฯลฯ นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชนเผ่าม้งที่หมู่บ้านสิบสองพัฒนา และบ้านปางค่าเหนือ และวิถีชีวิตของชนเผ่าเย้าที่บ้านปางค่าใต้ หากใครชอบพจญภัยก็มีเส้นทาเดินป่า เพื่อพิชิตยอดดอยภูลังกา ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า ซึ่งจุดนี้เราจะมองเห็นประเทศลาวและสามเหลี่ยมทองคำได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
แน่นอนว่านักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนไม่ใช่แค่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้การทำงานเกษตรที่สูง วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชนเผ่าทางภาคเหนือ อีกทั้งยังเป็นการพักผ่อนกายใจ และคลายเครียดได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ท่องเที่ยวโครงการหลวง http://www.thairoyalprojecttour.com และ แอปพลิเคชั่น “โครงการหลวง”
เรื่องโดย พิมพ์ชนก ศรเพชร Team Content www.thaihealth.or.th