ชาว ‘โนนทัน’ สุขภาพดี ด้วยผักปลอดสารพิษ
“ผักปลอดสารพิษ” หลายท่านคงจะคุ้นเคยและได้ยินมานาน เพราะนอกจากจะเป็นการรับประทานผักที่ปลอดภัยแล้ว ยังคงเป็นอีกหนึ่งแนวทางของการร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดใช้สารเคมีให้ได้มากที่สุด ดังนั้น การส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจึงเกิดขึ้นหลายพื้นที่เช่นเดียวกับ ต.โนนทัน อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
วันนี้แปลงผักปลอดสารพิษ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาวบ้านทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะการปลูก “กะหล่ำปลี” ทำให้ ต.โนนทัน เป็นพื้นที่ส่งจำหน่ายกะหล่ำปลีมากที่สุดของจังหวัด
นายเจริญ บุปผา นายก อบต.โนนทัน บอกว่า ที่ผ่านมาการปลูกผักใน ต.โนนทัน หลายครัวเรือนได้มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตในปริมาณที่มาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกร ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ต่อมาจึงเกิดกระบวนการพัฒนาการปลูกกะหล่ำปลีที่ปลอดภัยจากสารพิษ โดยการบูรณาการความร่วมมือกับ รศ.ดร.สุพัตรา ชาติบัญชาชัย ผู้จัดการแผนงานผักปลอดสารพิษ จ.ขอนแก่น ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทีมงานจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ กรมส่งเสริมวิชาการเกษตร ทำให้เกษตรกรผลิตกะหล่ำปลีที่ปลอดภัยจากสารพิษ จนได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานการผลิตพืชที่ปลอดภัย
“เริ่มแรกได้ปรับสภาพแปลงนา ไร่อ้อย และมันสำปะหลัง ในพื้นที่ 2 หมู่บ้านนำร่อง คือ บ้านเปือย และ บ้านนา เป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลีที่ปลอดสารเคมี และดำเนินการอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2552 ปัจจุบันได้ขยายแปลงผักออกไปอย่างครอบคลุมตามความต้องการของตลาด ทั้ง ประเภทผักคะน้า, บร็อกโคลี่, ต้นกระเทียม, ผักกาดขาว, ฟักทอง, มะเขือ, ขึ้นฉ่าย, ต้นหมอ,ผักชี และผักบุ้ง ทำให้ขณะนี้ ต.โนนทัน เป็นครัวของจังหวัด หลายครอบครัวปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้หลัก ตลาดที่รองรับสินค้าของตำบล กระจายไปทั่วจังหวัดตามยอดการสั่งซื้อ บางแปลงมีการสั่งจองล่วงหน้านานนับเดือน เพราะลูกค้ามั่นใจว่าผักของตำบลนั้นปลอดสารพิษจริง” นายก อบต.โนนทัน กล่าว
ด้วยอัตราการบริโภคกะหล่ำปลี ที่นิยมอย่างแพร่หลายและทุกฤดูกาล จึงมีการคิดค้นเรื่องการปลูกกะหล่ำปลีนอกฤดู โดยหาสายพันธุ์ที่ทนร้อน เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย จึงทำให้ปัจจุบันสามารถปลูกกะหล่ำปลีได้ทุกฤดู และทุกพื้นที่ของประเทศ ขอเพียงมีน้ำที่เพียงพอ สำหรับการปลูกกะหล่ำปลีของชาวโนนทันนั้น นิยมปลูกแบบปีเดียวคือ อายุตั้งแต่ย้ายปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ประมาณ 50-120 วัน ซึ่งปลูกได้ผลดีในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม ถ้าปลูกนอกเหนือจากนี้ จะต้องเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม เพราะสามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด โดยเฉพาะ ดินโปร่ง แต่ต้องปรับอุณหภูมิที่เหมาะสม สำหรับการเจริญเติบโตประมาณ 22-25 องศาเซลเซียส มีสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (ph) อยู่ในช่วง 6-6.5 ความชื้นในดินสูงพอสมควรและได้รับแสงแดดเต็ม ที่ตลอดวัน
นายก อบต.โนนทัน บอกต่อว่า พันธุ์ที่นำมาปลูกในพื้นที่นั้น แยกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ พันธุ์กะหล่ำปลีธรรมดาสำหรับการบริโภค มีลักษณะหัวหลายแบบตั้งแต่หัวกลม หัวแหลมเป็นรูปหัวใจ จนถึงกลมแบนราบ มีสีเขียวจนถึงเขียวอ่อนเป็นพันธุ์ที่ทนร้อน อายุการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 50-60วัน โดยเฉพาะพันธุ์โคเปนเฮเกนมาร์เก็ต พันธุ์โกเดน เอเลอร์ พันธุ์กะหล่ำปลีแดง มีลักษณะหัวค่อน ข้างกลม ใบสีแดงทับทิม มียอดการสั่งซื้อที่มากในกลุ่มลูกค้าร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า และพันธุ์กะหล่ำปลีใบย่น มีลักษณะผิวใบหยิกย่นและเป็นคลื่นมาก ต้องการอากาศหนาวเย็น ในการปลูก
ตอกย้ำในเรื่องของ การปลอดภัยจากสารพิษอย่างแท้จริง ทุกหมู่บ้านล้วนเริ่มกระบวนการเตรียมดิน การบำรุงรักษา และการป้องกันกำจัดวัชพืช ตลอดจนการฉีดพ่นสารกำจัดแมลงปากกัดหรือแมลงวันในแปลงปลูก เพราะทุกขั้นตอน ล้วนแต่เชื่อมโยงต่อกัน โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษ ที่เกิดจากภายใต้ความร่วมมือระหว่าง อบต.โนนทัน และ กลุ่มแผนงานผักปลอดภัยจากสารพิษจังหวัดขอนแก่น ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณ จาก สสส. ที่มาร่วมรณรงค์และส่งเสริมจากจุดเริ่มต้นเพียงไม่กี่หมู่บ้าน ก่อนขยายความร่วมมือครอบคลุม ทั้งตำบล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากหลายท่านขับรถเข้ามาในพื้นที่ แปลงผักปลอดสารพิษ สองข้างทางถนน จะพบกับความเขียวขจี และความสดชื่น ของประชาชนชาวโนนทันและความยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ โดย จักรพันธ์ นาทันริ