ชาวบ้านคูสว่าง อุบลฯ ร่วม สสส.สร้างบ้านหนีน้ำท่วมซ้ำซาก เผยเป็นบ้านน็อกดาวน์ใช้ได้ 10 ปี

 

ชาวบ้านคูสว่าง อุบลฯ ร่วม สสส.สร้างบ้านหนีน้ำท่วมซ้ำซาก เผยเป็นบ้านน็อกดาวน์ใช้ได้ 10 ปี

 

ชาวบ้านในอำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วมซ้ำซาก ร่วมกับ สสส.และภาคธุรกิจเอกชน ทำบ้านน็อกดาวน์ถอดประกอบ หลังต้องนอนบนพื้นถนน เมื่อเกิดน้ำท่วมทุกปี เผยบ้านที่ทำขึ้นเองสามารถใช้งานนานกว่า 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านคูสว่าง ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบร่วมกันทำบ้านน็อกดาวน์แบบถอดประกอบได้เพื่อใช้พักอาศัยระหว่างน้ำจากแม่น้ำมูลไหลท่วมชุมชน ซึ่งเกิดเป็นประจำทุกปี เพราะหมู่บ้านตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ และเป็นที่ลุ่มถูกน้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน

โดยเมื่อปี 2554 ชาวบ้านคูสว่างกว่า 210 ครอบครัว ถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 2 เดือน ต้องไปอาศัยอยู่ในเต้นท์ที่ อบต.จัดหาให้ แต่ไม่สะดวก เพราะฝนตกน้ำไหลเข้าที่นอน และต้องระวังสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์มีพิษที่หนีน้ำมาเช่นกันชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครป้องกันภัยและพัฒนาชุมชนภาคประชาชน จ.อุบลราชธานี จึงระดมความเห็นออกแบบบ้านใช้พักอาศัยตามความต้องการของชุมชน โดยทำเป็นโครงเหล็ก ยกพื้นสูง 1 เมตร มุงหลังคาและผนังบ้านด้วยผ้าใบ

บ้านพักชั่วคราวที่สร้างขึ้น หลังหนึ่งมีความยาว 11 เมตร กว้าง 2.40 เมตร ใช้พักอาศัยได้ 3 ครอบครัว และสามารถถอดประกอบเก็บไว้ใช้ได้ถึง 10 ปี สำหรับงบประมาณที่ใช้สร้างบ้านชั่วคราวจำนวน 10 หลังและเรือ 1 ลำ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน สสส.และภาคธุรกิจเอกชนเป็นมูลค่าราว 3 แสนบาท

สำหรับเรือหางยาวที่ชาวบ้านสร้างขึ้น สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ 1.2 ตัน มีความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเรือท้องแบนที่ราชการจัดมาช่วยไม่เหมาะใช้ในพื้นที่ของหมู่บ้านที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้การแล่นจากหมู่บ้านไปถึงถนนใหญ่ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้ชาวบ้านและนักเรียนไปเรียนและเข้าทำงานสาย แต่เรือที่ชาวบ้านทำขึ้นใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

นายสังคม พันธุ์สถิตย์ แกนนำชาวบ้านคูสว่าง กล่าวว่า ชุมชนคูสว่างถูกน้ำท่วมทุกปี และมีชาวบ้านกว่า 40 ครอบครัวที่มีบ้านชั้นเดียว ทำให้ไม่มีที่พักอาศัย ต้องไปอยู่ในเต้นท์ชั่วคราวที่ไม่สะดวก การทำบ้านพักชั่วคราวให้ชาวบ้านที่อพยพหนีน้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องนอนหวาดระแวงสัตว์ร้ายมากัดต่อยเหมือนทุกปี หลังน้ำท่วมผ่านไปก็ถอดเก็บไว้ใช้ได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี ส่วนเรือหางยาวทำให้ลดเวลาในการเดินทางให้น้อยลง ไม่ต้องไปทำงานหรือไปเรียนสาย เมื่อชุมชนถูกน้ำท่วม

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ บุญญะบาล หัวหน้าศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยและพัฒนาชุมชนภาคประชาชน จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ก่อนทำบ้านพักชั่วคราว ได้มีการหารือความต้องในกลุ่มชาวบ้านว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการนำงบประมาณของรัฐมาใช้ทุกปี

แต่ชาวบ้านไม่ได้รับประโยชน์ เพราะความช่วยเหลือที่ส่งมาให้ไม่ตรงตามความต้องการใช้งาน เช่น เรือท้องแบนที่ราชการส่งมา แต่ลักษณะของเรือที่ต้านกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวของหมู่บ้านทำให้เรือแล่นช้าไม่ตอบสนองความต้องการ หรือเต้นท์ที่สำนักงาน อบต.ให้ชาวบ้านพักชั่วคราวมีแต่หลังคา แต่ไม่มีผ้าใบล้อมรอบ เมื่อฝนตกทำให้ผู้อยู่อาศัยเปียกฝน รวมทั้งพื้นแฉะนอนไม่ได้

ชาวบ้านจึงร่วมกันคิดออกแบบบ้านและเรือที่แล่นตัดกระแสน้ำได้ดีขึ้นมาใช้เอง จึงเป็นการตอบโจทก์ในความต้องการของชาวบ้าน และสามารถใช้ประโยชน์ได้นานไม่น้อยกว่า 10 ปี ช่วยให้คุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่ต้องอพยพหนีน้ำท่วมดีขึ้น ส่วนการบริหารดูแลสิ่งของทั้งหมด ชาวบ้านได้ตั้งคณะกรรมการมาควบคุมดูแลกันเอง เพราะเป็นสิ่งของส่วนกลางไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนสามารถร่วมใช้กันได้

สำหรับระดับแม่น้ำมูลล่าสุด มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยขณะนี้มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากช่วง 3-4 วันที่ผ่านมากว่า 80 เซนติเมตร จากอิทธิพลของน้ำฝนที่ตกต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีระดับน้ำสูง 2.69 เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 11 เซนติเมตร โดยน้ำมีความเร็ว 282 ลบม./ต่อวินาที แต่ยังมีน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 4.31 เมตรที่สะพานเสรีประชาธิปไตย

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ astv ผู้จัดการ

Shares:
QR Code :
QR Code