ชวนเลิกบุหรี่ยุคโควิด ปรึกษาสายด่วน 1600

ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า


ชวนเลิกบุหรี่ยุคโควิด ปรึกษาสายด่วน 1600 thaihealth


แฟ้มภาพ


เป็นที่ทราบกันดีว่าโควิด-19 เกี่ยวข้องกับการทำงานของปอด เป็นระบบการหายใจที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งการสูบบุหรี่ก็จะยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโควิดได้ง่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเชิญชวนให้ใช้วิกฤติโควิด-19 เป็นจุดเปลี่ยนในการเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (สายเลิกบุหรี่ 1600) จัดเสวนา (ออนไลน์) หัวข้อ “เข้าพรรษายุคโควิด เลิกเสพติดบุหรี่ด้วยสายเลิกบุหรี่ 1600” โดย น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มคนไทยมีอัตราการสูบบุหรี่มีลดลง โดยข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 คนไทยสูบบุหรี่ลดลงเหลือร้อยละ 17.4 ซึ่งลดลงจากร้อยละ 19.1 ในปี 2560


ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการในปี 2562 มีคนไทยที่เสียชีวิตจากบุหรี่ถึง 70,952 คนและเสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง 9,435 คนซึ่งก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายสูงถึงร้อยละ 15 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศทั้งหมด ในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 สสส. และภาคีเครือข่าย ได้ปรับแผนการทำงาน โดยให้ความสำคัญการทำงานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในการให้ความรู้ การณรงค์สังคม ให้ลด ละ เลิกยาสูบ และสิ่งเสพติดต่างๆ ทั้ง เฟซบุ๊ค เว็บไซต์ ยูทูบและซูม


น.ส.รุ่งอรุณ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยากเชิญชวนผู้ที่ยังสูบบุหรี่อยู่ ใช้โอกาสในช่วงเข้าพรรษาที่กำลังจะมาถึง เป็นวันเริ่มต้นที่ตัดสินใจเลิกพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และเตรียมพร้อมรับการฉีดวัคซีน ซึ่งมีข้อมูลจากหลายประเทศยืนยันว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีประวัติการสูบบุหรี่ มีความเสี่ยงที่อาการของโรคจะรุนแรงและเสียชีวิตได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ที่สำคัญคนสูบบุหรี่เมื่อได้รับวัคซีนโควิด-19 ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้น้อยกว่าคนไม่สูบ


“เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้ที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ควรเลิกสูบบุหรี่ก่อนได้รับวัคซีน เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันและปอดฟื้นฟูกลับมาทำงานได้แข็งแรง นอกจากนี้ ยังช่วยลดควันบุหรี่มือสองที่อาจกระทบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะคนในครอบครัว คนที่เรารัก โดยสามารถขอรับคำปรึกษาเลิกบุหรี่จากสายเลิกบุหรี่ 1600” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว


ด้าน รศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (สายเลิกบุหรี่ 1600) กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 มีประชาชนขอรับปรึกษาเลิกบุหรี่กับสายเลิกบุหรี่ 1600 จำนวนมากโดยให้เหตุผลว่า กลัวการติดเชื้อโควิด-19 จากเดิมที่เหตุผลของการโทรมาปรึกษาคือ เลิกเพื่อสุขภาพ และเลิกสูบเพื่อคนรอบข้าง สะท้อนว่าประชาชนให้ความสำคัญต่อการระบาดของโควิด-19 โดยขณะนี้สายเลิกบุหรี่ 1600 ได้ปรับแผนการทำงานเพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น


โดยเพิ่มเวลาให้บริการตั้งแต่ 09.00-23.00 น.เนื่องจากพบว่าช่วงเวลาบ่ายและค่ำ เป็นช่วงที่มีการโทร.เข้ามาขอคำปรึกษาจำนวนมาก นอกจากนี้ ได้เพิ่มช่องทางการติดต่อทางแอปพลิเคชั่นไลน์ เฟชบุ๊คแฟนเพจ เว็บไซต์ และศูนย์บริการเลิกบุหรี่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการอย่างเต็มที่ นอกจากให้ความรู้เรื่องยาสูบแล้ว ยังสามารถให้คำปรึกษาการสูบบุหรี่ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ด้วย โดยประชาชนสามารถโทรศัพท์ขอรับคำปรึกษาเลิกบุหรี่ได้ฟรีทุกเครือข่าย


“การสูบบุหรี่มีผลโดยตรงกับโควิด-19 เนื่องจากบุหรี่จะส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้ระบบหายใจไม่แข็งแรง หากผู้ที่สูบบุหรี่อยู่ติดโควิด-19 มีโอกาสสูงที่อาการจะทรุดหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต คนที่สูบบุหรี่ เนื้อปอดจะถูกทำลาย ถ้าสูบบุหรี่หนักและสูบมานาน เสี่ยงเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ถุงลมในปอดถูกทำลาย หากติดโควิด-19 จะทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินหายใจมากขึ้น เพราะฉะนั้นยิ่งเลิกสูบบุหรี่ได้เร็ว จะปลอดภัยต่อสุขภาพ และโอกาสเสี่ยงติดโควิด-19 น้อยลง หรือหากติดโควิด-19 แล้ว โอกาสที่อาการรุนแรงจะน้อยลง รวมถึงการเสียชีวิตน้อยลงตามไปด้วย” รศ.ดร.จินตนา กล่าว


รศ.ดร.จินตนา ยังกล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนมีความตื่นตัว และเห็นว่าการเลิกบุหรี่ทำได้ เป็นไปได้ แต่สิ่งที่จะต้องสู้กันคือเรื่องของความเข้าใจผิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยลดช่วยเลิกบุหรี่ได้ ซึ่งข้อเท็จจริงคือ บุหรี่ทุกชนิดสามารถเลิกได้ หากได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แต่สำหรับคนที่ติดบุหรี่หนัก หรือเริ่มมีปัญหาสุขภาพ จำเป็นต้องใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่

Shares:
QR Code :
QR Code